22 มิ.ย.61 โลกออนไลน์มีการแชร์ข้อความของนายวันชัย รุจนวงศ์ อดีตอธิบดีอัยการและอดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่โพสต์ไว้ตั้งแต่เมื่อ 21 มิ.ย. บนเฟซบุ๊คส่วนตัว Wanchai Roujanavong ถึงกรณีการประหารชีวิตนักโทษคนแรกในรอบ 9 ปีของไทย จนนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อถกเถียงในสังคมไทย รวมถึงประเด็นผู้ก่อคดีร้ายแรงมักมีประวัติเคยกระทำผิดซ้ำซากมาก่อนแต่กลับถูกปล่อยตัวจากเรือนจำโดยง่ายว่า
“ทุกประเทศก็มีปัญหาเหมือนไทย คืออัตราการกระทำผิดซ้ำสูง เพราะพอเข้าคุกครั้งแรก ก็ตกงาน ถูกไล่ออก พอออกจากคุก ก็กลายเป็นคนมีประวัติ เป็นคนขี้คุก สังคมกลัว ไม่กล้าไว้วางใจ ไม่มีใครจ้างทำงาน แต่คนพวกนี้ก็ยังต้องกินต้องใช้ ต้องการเงินเพื่อยังชีพ เมื่อสังคมไม่ให้โอกาส ก็ต้องหาเงินด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมาย กลายเป็นคนทำผิดซ้ำซาก วนไปวนมาระหว่างคุกกับบ้าน อาชญากรในสังคมจึงเต็มไปหมดทั้งเมือง”
“การไปอ้อวอนให้คนทั่วไปยอมวางใจให้โอกาสอดีตนักโทษด้วยการให้งานทำ ยากมาก เพราะในทางจิตวิทยา ใครๆ ก็กลัวอดีตนักโทษ และยังมีกฎหมายกีดกันไม่ให้รับอดีตนักโทษเข้าทำงานมากมาย กับไม่มีการลบประวัติ ไม่ว่าจะพ้นโทษมากี่ปี การที่อดีตนักโทษกระทำผิดซ้ำ ครึ่งหนึ่งมาจากตัวเอง อีกครึ่งหนึ่งมาจากการกดดันของสังคม วิธีที่ยุโรปและประเทศเกือบทั่วโลกใช้คือไม่เอาคนเข้าคุก ถ้าไม่จำเป็นหรือไม่ได้ทำผิดอุกฉกรรจ์”
“โดยเฉพาะยุโรป อย่างฟินแลนด์หรือเนเธอร์แลนด์ ที่ปิดคุกเพราะไม่มีนักโทษ ประเทศพวกนี้มีมาตรการลงโทษที่หลากหลายมากที่นำมาใช้แทนโทษจำคุกอย่างได้ผล ทำให้คนกลัวไม่กล้าทำผิด โดยที่ไม่ต้องเอาคนเข้าคุก เช่นค่าปรับแพงมากๆ และการยึดทรัพย์มาใช้แทนค่าปรับ อังกฤษ สก็อตแลนด์ มีกฎหมายให้ศาลสั่งลงโทษให้ทำงานบริการสังคมได้ถึง 400 ชั่วโมง และสั่งใช้มาตรการอื่นๆ ได้อีกมาก เช่นการสั่งให้ไปบำบัดรักษาอาการติดยา อาการติดเหล้า อาการป่วยทางจิต ฯลฯ”
“ประเทศในยุโรปอื่นๆ ก็ใช้มาตรการคล้ายกันกับอังกฤษ การกักขังในบ้านด้วยกำไลข้อเท้า ไปทำงานได้ แต่ต้องกลับบ้านทันทีหลังเลิกงาน ห้ามออกไปไหนเป็นระยะเวลาตามที่ศาลสั่ง การกักขังในที่คุมขัง เฉพาะวันหยุด วันศุกร์มารายงานตัวเข้าห้องขัง วันอาทิตย์ก็กลับบ้าน เตรียมไปทำงาน ทำอย่างนี้จนกว่าจะครบกำหนดกักขัง การคุมประพฤติอย่างเข้มข้น ยังมีมาตรการอื่นๆ ในการลงโทษอีกมาก ที่จะทำให้ผู้ทำปิดเข็ดหลาบ และทำให้คนอื่นกลัว ไม่กล้าทำผิด โดยไม่ต้องส่งคนเข้าคุกถ้าไม่จำเป็นจริงๆ”
“ประเทศที่เอาคนเข้าคุกมากที่สุดคืออเมริกา มีนักโทษสามล้านกว่าคน มากที่สุดในโลก ไทยเราทำตามก้นอเมริกา ด้วยการใช้นโยบายปราบอย่างเดียว การแก้ปัญหาด้วยอาชญาวิทยาของไทยล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า นึกอะไรไม่ออก ก็ส่งคนเข้าคุกทั้งที่ไม่จำเป็น จนคนล้นคุกกว่าสามเท่า จนกรมราชทัณฑ์ใกล้ตายแล้ว นักโทษตัวร้ายจริงๆ ก็ไม่ได้รับการบำบัดเท่าที่ควร เพราะนักโทษมีมากเกินไปเยอะ แล้วพอนักโทษแน่นมาก คุกจะแตก ต้องหาวิธีระบายด้วยการปล่อยออกมาด้วยวิธีการลดโทษแบบต่างๆ”
“ถึงเวลาต้องมาคิดเรื่องโทษที่เดิมมีแค่ห้าอย่าง ว่าควรจะมีโทษที่หลากหลายที่จะมาใช้แทนโทษจำคุกบ้างสร้างกฎห้ามไม่ให้มีนักโทษเกินแสนคน ถ้าเกินแสนคนต้องปล่อยคนที่โทษน้อยสุดออกมาด้วยการคุมประพฤติ ให้เหลือนักโทษไม่เกินแสนคน ใช้มาตรการอย่างยุโรป มองปัญหาและแก้อย่างเป็นปัญหาสังคมบ้าง ไม่ใช่มองว่าเป็นปัญหาอาชญากรรมที่ต้องปราบปรามอย่างเดียว เรียกว่าคิดอะไรไม่ออก ก็จำคุก แก้กฎหมายเพิ่มโทษให้สูงขึ้นและสูงขึ้น โดยไม่ใช้สมองคิดแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นเลย การเอาคนเข้าคุก ควรใช้เป็นมาตรการสุดท้ายเมื่อจำเป็นเท่านั้น”
“อย่างเด็กแว้น ปรับคนละแสน และริบรถเท่านั้น ผู้ปกครองก็จะไปจัดการกันเอง คนไทยกลัวเสียเงินมากกว่าติดคุก ไม่จ่ายค่าปรับริบทรัพย์ขายทอดตลาดทันที เยาวชนทำผิด พ่อแม่ต้องจ่ายค่าปรับ ไม่จ่ายริบทรัพย์มาขายทอดตลาดจ่ายค่าปรับ อย่าคิดแต่จะส่งคนเข้าคุกอย่างเดียว เรือนจำเป็นเรือนเพาะชำอาชญากรที่มีประสิทธิภาพที่สุด พยายามอย่าส่งคนเข้าคุกถ้ามีทางแก้ด้วยวิธีการลงโทษแบบอื่น”
อนึ่ง มีชาวเน็ตบางรายเสนอแนะเพิ่มเติม เช่น 1.คดีอาญาที่ยอมความไม่ได้ในประเทศไทยมีมากเกินไปจนสมควรปรับลดลงบ้างหรือไม่เพื่อให้สามารถใช้วิธีการควบคุมแบบอื่นๆ ได้แทนการนำตัวไปจำคุกอย่างเดียว 2.คดีความผิดร้ายแรงจึงค่อยจำคุก ส่วนคดีที่ไม่ร้ายแรงควรใช้กลไกยุติธรรมชุมชนเข้าไปดูแล 3.กรณีอดีตผู้ต้องขังที่พ้นโทษไม่สามารถไปหางานทำได้เพราะถูกสังคมทั่วไปปฏิเสธ ควรมีการทำนิคมชุมชนสร้างอาชีพให้คนกลุ่มนี้ เฉกเช่นที่มีการนำพื้นที่ประเทศไทยไปให้นักลงทุนต่างชาติเช่าใช้ประโยชน์ เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี