24 มิ.ย.61 ถึงแม้จะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนแล้ว แต่ทะเลและเกาะต่างๆ ในประเทศไทยยังคงความสวยและสามารถท่องเที่ยวได้อย่างสนุกสนานเต็มอรรถรสไม่แพ้ในช่วงไฮท์ซีซั่นเลยทีเดียว ครั้งนี้แนวหน้าออนไลน์ ได้เดินทางไปเที่ยวชมธรรมชาติที่ เกาะหมาก จ.ตราด อีกหนึ่งเกาะยอดนิยมที่ชาวไทยและชาวต่างชาติต่างเลือกมาพักผ่อนหย่อนใจกันที่นี่
โดยการเที่ยวในครั้งนี้ ผู้เขียนขอพาทุกคนไปเที่ยวกันแบบรักษ์ธรรมชาติ รักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมกัน ในทริป 7 Greens Turismo ที่รายการสมุดโครจร ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้นำโครงการท่องเที่ยวแบบสีเขียวนี้มาสานต่อกลายเป็นทริปในครั้งนี้ เพื่อร่วมส่งเสริมให้เกิดการเที่ยวอย่างตระหนักรู้ในคุณค่าของสิ่งแวดล้อม และชวนให้คนไทยท่องเที่ยวในประเทศให้มากยิ่งขึ้น สำหรับการเที่ยวแบบ 7 Greens ประกอบด้วย Green Heart - เที่ยวด้วยใจคิด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, Green Logistics - ท่องเที่ยวใกล้ไกล ใช้พลังงานให้คุ้มค่า, Green Attraction - ท่องเที่ยวทั่วทิศ เลือกแหล่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, Green Activity - สนุกกับกิจกรรมท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม, Green Community - เที่ยวอย่างรู้ค่า รักษาเอกลักษณ์ชุมชน, Green Service - เลือกใช้บริการธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ GreenPlus - จิตอาสา พาโลกสดใส ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
เริ่มต้นกันตะลุยเกาะหมากกันที่ เกาะหมากรีสอร์ทออร์แกนิกการ์เด้น ฟาร์มผักออแกนิกที่ประสบความสำเร็จรายแรกของเกาะหมาก โดยฟาร์มแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นจากแนวคิดสังคมคาร์บอนต่ำ (low carbon destination) ของเกาะที่ต้องการให้เกิดท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม บวกกับแต่เดิมเกาะหมากต้องสั่งซื้อวัตถุดิบมาจากตลาดนอกเกาะ ซึ่งการขนส่งทำให้วัตถุดิบเสียหายไปมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ฟาร์มจึงเริ่มศึกษาการทำเกษตรอินทรีย์ ศึกษาพร้อมลงมือทำลองถูกลองผิดมาจนเข้าสู่ปีที่ 3 โดยเราได้เข้าไปตะลุยทุกซอกทุกมุมของฟาร์มแห่งนี้ พบว่าในฟาร์มปลูกทั้งผักสวนครัวพื้นบ้าน อาทิ กะเพราะ โหระพา พริก มะเขือ ผักบุ้ง ผักสลัด คะน้า กวางตุ้ง ผลไม้ชนิดต่างๆ อาทิ มะละกอ กล้วย สับปะรด มะไฟ กระท้อน เงาะ ทุเรียน โดยใช้ปุ๋ยอินทรีและระบบน้ำหยดที่ปั๊มน้ำใช้พลังงานจากแผงโซลาเซลในการดูแลผลผลิต นอกจากนี้ ฟาร์มยังเลี้ยงเป็ดไข่ ไก่ไข่ ปลาน้ำจืด กุ้ง กบ อีกด้วย ซึ่งผลผลิตเหล่านี้จะถูกนำส่งไปเป็นวัตถุดิบให้กับร้านอาหารต่างๆ ทั่วเกาะ รวมถึงขายให้กับชาวบ้านในเกาะที่ต้องการและนำไว้กินในครัวเรือน หลังจากที่เราเดินชมสวนเสร็จแล้ว ถึงเวลาชมผลผลิตกันอย่างสดๆ เด็ดจากต้น ต้องบอกเลยว่า แต่ละผล แต่ละคำ คุณภาพคับปากไม่แพ้ผลไม้เมืองจันทร์เลยทีเดียว สัมผัสได้ถึงความสดใหม่ รสชาติดีจากธรรมชาติ คุณภาพเกินราคาเลยทีเดียว
ไปต่อกันที่กิจกรรมกรีนๆ ต่อไปสำหรับกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและให้สุขภาพที่ดีกับผู้เล่น กับกีฬา Disc Golf กีฬาที่คล้ายการเล่นจานบินและใช้กติกาเดียวกันกับการเล่นกอล์ฟ เพียงแต่เปลี่ยนจากใช้ไม้กอล์ฟตีลูกให้ลงหลุม เป็นร่อนจานให้ลงตะกร้าแทน โดยมีตะกร้าหลัก 9 ใบ หากร่อนจานลงตะกร้าได้ในครั้งเดียวก็เหมือนกับตีกอล์ฟได้โฮลอินวัน โดยจะแข่งกันทีละสองคน หรือเป็นทีม ทีมละสามสี่คนก็ยังได้ ผู้เล่นแต่ละคนมีชุดจานหลายใบ เช่นเดียวกับนักกอล์ฟที่มีชุดไม้หลายเบอร์ ไว้สำหรับใช้งานแตกต่างกัน เช่น จานไดรเวอร์ใช้ร่อนในระยะไกล ส่วนจานมิดเรนจ์ใช้ร่อนในระยะปานกลาง พอเข้าใกล้เป้าหมายคือตะกร้าแล้ว ก็เปลี่ยนมาใช้จานพัตเตอร์ที่มีความนิ่งมากกว่า ซึ่งแน่นอนว่ามาถึงถิ่นทั้งทีผู้เขียนต้องลองเล่นให้รู้แน่ว่ามันยากง่ายเพียงใด และต้องบอกเลยว่า Disc Golf นั้นไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย ไม่ยากตรงที่เราสามารถหยิบจานออกมาแล้วร่อนออกไปได้เลย แต่ยากตรงที่เราไม่สามารถควบคุมแรงและทิศทางให้ตรงความต้องการได้ ลองเล่นไปหนึ่งหลุมผู้เขียนก็ขอถอยออกมาดูผู้เล่นมืออาชีพแข่งกันอย่างสนุกสนานดีกว่า
สำหรับกีฬาชนิดนี้นิยมเล่นกันที่อเมริกาและหลายประเทศทางยุโรป แต่ยังไม่เป็นที่นิยมในไทยมากนัก มีสถานที่ให้เล่นเพียงสองแห่งเท่านั้น คือ ที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และที่เกาะหมาก จังหวัดตราด เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจเพราะนอกจากอุปกรณ์จะราคาหาซื้อง่ายแล้ว ยังเรียกเหงื่อได้ไม่แพ้กีฬาชนิดอื่นๆ เป็นกิจกรรมแปลกใหม่ที่ผู้เขียนอยากให้ทุกคนได้มาลองเล่นกัน
หลังจากนั้นก็ต่อเนื่องกันด้วยกิจกรรมดีๆ อย่าง "กรีน พลัส" - จิตอาสา พาโลกสดใส ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ที่เราได้ร่วมพลังกับคนในชุมชนออกมาทำกิจกรรมจิตอาสา ช่วยกันเก็บกวาดขยะ ทำความสะอาดพื้นที่บริเวณท่าเทียบเรือของเกาะกัน สำหรับกิจกรรมจิตอาสาในครั้งนอกจากจะเป็นการทำความดีคืนกำไรให้คนในชุมชนแล้ว ยังเป็นการส่งข้อความถึงนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ให้เที่ยวด้วยใจสาธารณะ ลดใช้พลาสติก ทิ้งขยะให้ลงถัง หรือช่วยกันเก็บขยะ เพียงเท่าไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน คุณก็ได้ช่วยต่อลมหายใจให้กับโลกและธรรมชาติได้แล้ว
เมื่อเราพักเหนื่อยจากกิจกรรมจิตอาสาแล้ว ก็ได้เวลาไปปั่นจักรยานชมเกาะกัน อย่างที่ทราบกันดีว่าธรรมชาติของเกาะหมากยังมีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้อากาศดี เส้นทางการปั่นจักรยานก็ร่มรื่น รถยนต์น้อย ตลอดทางมีวิวสวยๆ ให้ได้ชมอย่างเพลินตา ทั้งวิวทะเล วิวสวนยาง วิวสวนมะพร้าว รวมถึงได้สัมผัสวิถีชุมอย่างใกล้ชิดอีกด้วย หากเหนื่อยก็มีร้านกาแฟบรรยากาศดีให้ได้เลือกแวะจิบเครื่องดื่มเติมพลังให้กับร่างกายอย่างหลากหลาย เหมาะกับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ รักสุขภาพและชีวิตสโลว์ไลฟ์มากๆ ทั้งนี้ ชุมชนยังได้เริ่มวางแผนต่อยอดกิจกรรมดังกล่าวให้กลายเป็นทัวร์ปั่นจักรยาน โดยมีไกด์ท้องถิ่นคอยให้ความรู้ ถือว่ามีความน่าสนใจต้องติดตามความเคลื่อนไหวกันต่อไป สำหรับใครที่มาเที่ยวเกาะหมากฃแล้วต้องการปั่นจักรยาน ตอนนี้มีร้านเช่าจักรยานให้คุณได้เลือกมาใช้บริการหลายจุดบนเกาะ สะดวกสบายแถมราคาเป็นกันเอง
ส่วนใครที่มองหากิจกรรมสบายๆ ไม่เสียเหงื่อ แถมยังได้ของฝากกลับบ้าน ขอแนะนำให้มาสนุกกับกิจกรรมทำผ้ามัดย้อม ที่ร้าน Keep Kram ร้านขายเสื้อผ้ามัดย้อม ที่ทางร้านได้เปิดสอนให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากได้ลองทำผลิตภัณฑ์มัดย้อมได้ลองทำกัน ครั้งนี้ผู้เขียนขอโชว์ฝีมือ กับการมัดย้อมผ้าเช็ดหน้าผืนแรกด้วยตนเอง โดยมีหลายลายให้เลือก ซึ่งอุปกรณ์ในการทำก็จะแตกต่างกันออกไป มีทั้งยาง ไม้ไอศครีม เทปกาว หรือแม้แต่กระป๋องกาแฟก็สามารถทำให้เกิดลวดลายที่สวยงามได้เช่นกัน ซึ่งอุปกรณ์พื้นฐานทางร้านจะมีเตรียมไว้ให้ เมื่อเลือกลายที่ต้องการได้แล้วไม่รอช้ารีบลงมือปฏิบัติกัน เริ่มแรกให้เอายางมามัดผ้าให้แน่นตรงจุดที่อยากให้เกิดลาย จากนั้นก็นำไปแช่ในคราม ทิ้งไว้อย่างน้อย 5-10 นาที หากอยากให้ผ้ามีสีครามอ่อนก็แช่ไว้เพียงพักเดียว แต่ถ้าต้องการสีครามเข้มๆ ก็แช่ไว้ให้นานมากยิ่งขึ้น ต่อมาให้นำผ้าที่แช่ครามแล้วไปล้างในน้ำเปล่า และนำมาตัดยางที่มัดไว้ พอคลายผ้าออกเราจะได้เห็นลวดลายที่เราสร้างสรรค์ด้วยฝีมือของตนเอง สุดท้ายนำไปตากให้แห้งเป็นอันเสร็จสิ้น เท่านี้เราก็ได้ผ้าเช็ดหน้าแฮนเมดที่มีลายเดียวบนโลกกลับไปเป็นของฝากอย่างน่าภูมิใจ
และอีกหนึ่งส่วนจุดสำคัญที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ อาหารเลิศรสที่ใช้วัตถุดิบพิเศษมาเสิร์ฟให้เราได้ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยร้านอาหารส่วนใหญ่บนเกาะหมากจะเลือกใช้วัตุดิบที่เป็น โลว์คาร์บอน หรือการนำวัตถุดิบที่มีบนเกาะมาทำให้ทาน ทั้งผักจากฟาร์มออกแกนิกที่เราได้พาไปชมกันก่อนหน้านี้ เนื้อปลาทะเลที่ชาวประมงหามาได้ในแต่ละวัน ซึ่งจุดนี้จะมีความพิเศษตรงที่ในแต่ละช่วงฤดูกาลหรือแม้แต่ในแต่ละวัน ชาวประมงจะได้ปลามาไม่ซ้ำชนิดกัน ทำให้ร้านอาหารต้องคิดเมนูที่เหมาะกับปลาชนิดนั้นๆ มาทำเป็นจานเด็ดให้ได้เลือกทานกัน ขณะที่ร้านกาแฟ-เบเกอรี่ ก็ใช้หลักวิธีเดียวกัน ใช้มะพร้าวที่มีอยู่มากบนเกาะหาซื้อได้ง่าย มาทำเป็นเมนูจุดขายของร้านนั้นๆ และที่สำคัญ คือแต่ละเมนูรสชาติถึงลิ้น จนหยุดทานไม่ได้เลยทีเดียว
มาถึงทะเลทั้งทีจะไม่เล่นกีฬาทางน้ำเลยก็เหมือนว่าจะมาไม่ถึง เราจึงไปสนุกกันต่อที่กิจกรรมการเล่นเรือใบ โดยเราได้ไปกันที่ เกาะหมากโคโค้เคปรีสอร์ท ซึ่งมีบริการสอนเล่นเรือใบให้บริการ มีเรือหลายขนาดให้ได้เลือกสนุกกัน แต่สำหรับผู้เล่นมือใหม่จะมีผู้สอนอยู่บนเรือด้วย 1 คน และทุกลำผู้เล่นจะต้องสวมเสื้อชูชีพทุกคนเพื่อความปลอดภัย มีทั้งผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์ป้องกันครบครันขนาดนี้แล้ว ดังนั้นใครที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็หมดห่วงได้เลย คุณสามารถลงไปลองฝึกเล่นเรือใบได้เช่นกัน ไม่รอช้าผู้เขียนขอออกไปท้าคลื่นลมทะเลเกาะหมากสักหน่อย ด้วยการขอติดเรือใบลำใหญ่ที่สามารถนั่งได้ 3 คน เท้าสัมผัสเรือด้วยใจตื่นเต้น ก่อนที่ครูสอนค่อยผลักเรือออกและปล่อยให้ลมพัดเรือออกไปไกลจากฝั่งมากขึ้นเรื่อยๆ ได้สัมผัสลมที่พัดผ่านตัว สูดกลิ่นอายทะเล ยินเสียงคลื่นที่ชวนสงบ เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นท้องฟ้าโปร่ง พร้อมวิวราราคาหลักล้านขณะแสงอาทิตย์ตกกระทบผืนน้ำที่กว้างไกลสุดสุดขอบฟ้าที่ทำให้รู้สึกเป็นอิสระจากทุกสิ่งในชั่วขณะ ทั้งสวยและสงบจนอยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสด้วยตนเอง
เราเต็มที่กับกิจกรรมมาตลอด 3 วัน 2 คืน จนมาถึงกิจกรรมสุดท้ายของทริปกันแล้ว เราได้เดินทางไปที่สวนยางพารา เพื่อไปชมกรรมวิธีการแปรรูปน้ำยางพาราให้กลายเป็นแผ่นก่อนส่งขาย ตั้งการเทน้ำยางผสมกรดเจือจางลงในถาดเพื่อให้ยางเซตตัวเป็นก้อน ไปจนถึงการรีดแผ่นยางและเอาไปตากจนแห้ง จากนั้นเราก็เดินทางไปสวนมะพร้าวกันต่อ เพื่อชมวิธีการเก็บมะพร้าวด้วยวิธีการสอย และยังได้ลงมือปลูกต้นมะพร้าวกันคนละต้นเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเกาะหมาก พร้อมลิ้มชิมน้ำมะพร้าวหอมหวานแบบธรรมชาติ เฉาะกันสดๆ ใต้ต้น เป็นการส่งท้ายทริปแบบกรีนๆ เข้าแนวคิด 7Green ในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ครั้งนี้ผู้เขียนได้สูดซึมซับพลังธรรมชาติและหอบความประทับใจกลับบ้านไปเต็มๆ ซึ่งทริป 7 Green ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ครั้งหน้าแนวหน้าพาเที่ยวจะพาไปรักษ์โลกที่ไหนกันอีก อย่าลืมติดตามกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี