ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘บทเรียนหมูป่า' คือ การบูรณาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบครั้งสำคัญของโลก ชูดีป้าหัวเรือใหญ่นำเข้ามาใช้อย่างเหมาะสม
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล(ดีป้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดงาน “Digital Thailand Big Bang Regional 2018” ขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยภายในงานนอกจากจะมีการจัดนิทรรศการ แสดงนวัตกรรมชั้นนำจากหน่วยงานต่าง ๆ มาให้ความรู้และนำเสนอภาพรวมของการพัฒนาไทยด้วยเทคโนโลยีประเทศดิจิทัล แล้วยังมีการจัดประชุมเสวนาควบคู่กันไปด้วย และหนึ่งในเวทีเสวนาที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ “การเสวนาถอดบทเรียนหมูป่ากับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล” โดยได้เชิญวิทยากรซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานที่ถือได้ว่าเป็นผู้ประสานงานหลักจนทำให้ 13 หมูป่าได้รับการช่วยเหลือออกมาจากถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนได้อย่างปลอดภัย
ดร.โกเมน พิบูลย์โรจน์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีเนต จำกัด กล่าวว่า การถอดบทเรียนการช่วยเหลือทีม 13 หมูป่าออกจากถ้ำหลวงครั้งนี้ ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ของโลก เพราะประเด็นสำคัญที่สุดในการช่วยเหลือ คือ โจทย์ต้องชัด เพื่อการวางแผนใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและสอดคล้องกับโจทย์ แต่ประเด็นคือเหตุการณ์นี้โจทย์ไม่ชัด ในช่วงแรกจะเห็นได้ว่ามีการขนเครื่องมือ อุปกรณ์มาแล้วไม่ได้ใช้หลายอย่างเนื่องจากติดข้อจำกัดที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ตั้งแต่หุ่นยนต์ดำน้ำในภาวะปกติจะใช้ในทะเล การใช้ต้องแบกเข้าไปซึ่งเกิดความยากลำบาก เนื่องจากพื้นที่ในถ้ำพื้นที่ไม่ได้เรียบเดินทางลำบากและมืดมาก เมื่อดำน้ำไปแล้วไปเจอช่องแคบ ไม่สามารถที่จะผ่านได้ จึงต้องขนอุปกรณ์กลับ
นอกจากนี้ น้ำในถ้ำก็ขุ่นมัวเหมือนชาดำเย็นเทรวมกันหลาย ๆ ถุงแล้วใช้สน็อคเกิลส่องลงไป ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยในการมองเห็นเพื่อมาเสริม นอกจากนี้โดรนที่ใช้สำหรับตรวจจับความร้อน ก็ไม่สามารถบินได้เนื่องจากในถ้ำไม่มีสัญญาณที่สำคัญมุดน้ำไม่ได้
ดร.โกเมน กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญคือ ทีวีบอลโฮ ที่สามารถตรวจสอบสภาพน้ำในถ้ำ กล้องสามารถวิเคราะห์ได้ไม่เกิน 20 เมตร แต่ในถ้ำลึกในบางจุดถึง 500 เมตร จึงไม่สามารถใช้การได้ เช่นเดียวกับเครื่องสูบน้ำแบบไดโว่ ก็ไม่สามารถใช้ได้ในกรณีนี้ ส่วนที่คนวงนอกเสนอให้ทำอุโมงค์ผ้าใบต่อไป 3-4 กิโลเมตร ในทางปฏิบัติคนที่อยู่ข้างในไม่สามารถทำได้ เช่นเดียวกับกล้องสแกนถ้ำ RSK Rescue หรือตาเทพที่สามารถสแกนได้ 200 เมตรแต่มีข้อจำกัดว่าต้องทำในที่โล่ง ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถนำไปใช้ได้ในครั้งนี้ เรือดำน้ำอีลอนมัสก์ ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้
สำหรับอุปกรณ์ที่สามารถใช้การได้จริงนั้น ดร.โกเมนกล่าวว่า คือเครื่องตรวจสอบอากาศ ที่จัดทำเป็นแอพพลิเคชั่น สำรวจกลุ่มเมฆ ตรวจสอบอากาศ เครื่องสูบน้ำท่อพญานาค แต่การขนเข้าไปในถ้ำเป็นไปอย่างยากลำบาก อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสามารถใช้ได้อีกอย่างคือการนำ เฮลิคอปเตอร์ MI 17 มาใช้ขนส่งเครื่องขุดเจาะ ซึ่งตัวเครื่องขุดเจาะมีน้ำหนักมากกว่า 2 ตัน แต่เฮลิคอปเตอร์ลำนี้สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 4 ตัน เรียกได้ว่าเป็นพาหนะที่มีประสิทธิภาพอย่างมากและน่ายินดีที่มันถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้ เช่นเดียวกับสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเด็กที่ติดอยู่ในถ้ำนานกว่า 10 วันคืออาหาร หลายคนได้รู้จัก พาวเวอร์เจล อาหารเพิ่มพลังที่ในชีวิตประจำวันเราแทบไม่รู้จักกัน ผ้าห่มฉุกเฉินก็สามารถนำติดตัวทีมกู้ภัยไปได้
สิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกประการ คือ อุปกรณ์การช่วยชีวิตของทีมกู้ภัยและต่างชาติ คือ ถังอากาศมวลอากาศ โดยของหน่วยซีลไทย ถังอากาศถึงหนึ่งจะสามารถใช้ได้เพียง 40 นาที ในขณะที่ของต่างชาติสามารถใช้ได้ยาวต่อเนื่อง 7 ชั่วโมงและมีสองถัง ๆ หนึ่งเป็นเจล ออกซิเจน อีกถังเป็นถังกรองสามารถแปลงเป็นออกซิเจนได้ แน่นอนว่าราคาแพงถังละเป็นล้าน แต่อย่างน้อยที่สุดในเราก็ได้เรียนรู้ว่า เมื่อถึงคราวจำเป็นการลงทุนในลักษณะนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ
ดร.สุกฤษฏิ์ เกิดแสง ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยและพัฒนาสารสนเทศอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ปรากฎการณ์การช่วยเหลือทีมหมูป่าครั้งนี้เป็นการระดมสรรพกำลังจากทั่วโลก ทำให้เราเห็นภาวะผู้นำในการตัดสินใจเลือกเทคโนโลยีมาใช้ ตลอดจนการสั่งการให้ทำหรือไม่ทำสิ่งใด ซึ่งต้องยกคุณงามความดีให้กับดิจิทัลที่อุบัติขึ้นในโลกใบนี้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ไปสู่นานาชาติได้อย่างรวดเร็วทำให้เกิดการช่วยเหลือได้ทันท่วงที นั่นเป็นเพราะมีเดีย ที่มีการจัดทำอินโฟกราฟฟิคเข้าใจง่ายไม่ต้องมีตัวอักษรมากมาย คนทั่วโลกสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้
สำหรับในส่วนของกรมอุตุนั้น ดร.สุกฤษฏิ์ กล่าวว่า ได้นำเทคโนโลยี ไอโอทีเข้ามาใช้มาก เพื่อดูความปลอดภัยด้านอื่น ๆ ด้วย เช่นความปลอดภัยด้านการบินเพื่อตรวจวัดสภาพอากาศ สมัยก่อนเราจะตรวจวัดสภาพอากาศทุก ๆ 3 ชั่วโมง ในพื้นที่ที่มีการติดตั้งเครื่องตรวจวัด แต่ปัจจุบันเป็นรายสัญญาน และสามารถตรวจได้ในพื้นที่ที่ไม่มีเครื่องตรวจวัด ซึ่งเป็นการตรวจที่ละเอียดโดยใช้ รีโมทเซนซิ่ง นอกจากนี้ยังใช้ ไอโอทีในการพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำ ตลอดเวลา เพื่อจะได้รู้ว่าเวลาใดที่จะสามารถเข้าถ้ำได้ และเวลาใดที่ไม่เหมาะ นอกจากนี้ เรายังมีเซนเซอร์แผ่นดินไหว นำไปช่วยกับทีมสำรวจถ้ำ โดยทำงานบูรณาการระหว่างกรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรธรณี และ กฟผ. โดยใช้ เซนเซอร์ 9 ตัว วางเหนือภูเขา นักดำน้ำ ดำน้ำเข้าไปในถ้ำ ณ จุดใด ก็จะเคาะถ้ำแล้วทีมสำรวจก็จะสามารถรู้ได้ว่า ส่วนไหนของถ้ำที่เป็นโพรงสามารถขุดเจาะได้
ขณะเดียวกันก็ใช้ภาพเรดาร์ในการวัดผลในบริเวณเฉพาะกิจ หรือที่สนใจเป็นพิเศษ ซึ่งต้องใช้การวิเคราะห์แบบบิ๊กดาต้า โดยแบ่งเป็น 3 ภารกิจคือ 1. เพื่อกรมอุตุนิยมวิทยาเอง 2.เพื่อภารกิจอื่น ๆ เช่น การบิน แผ่นดินไหว สุขภาพ และ 3.ภัยพิบัติบรรเทาสาธารณะภัย สามารถใช้ข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยา ใปใช้วางแผน
ส่วนนายธัชชัย แสนเสนา หัวหน้าฝ่ายสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิสด้า) เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ประชาชนได้รู้จักการใช้ บิ๊กดาต้า แมชชีนเลินนิ่ง ไอโอที ดีฟเลินนิ่ง ซึ่งไม่เกิน 5 ปี หรือจะเร็วกว่านั้นอยากให้ทุกคนจำชื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ไว้ เพราะเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งก็เชื่อว่า ดีป้าจะเป็นกำลังหลักในการผสมผสานเทคโนโลยีดังกล่าวให้ประชาชนคนไทยได้มีโอกาสได้ใช้อย่างทั่วถึง ในส่วนของจิสด้านั้นได้ทำภารกิจทั้งภายในและภายนอกถ้ำ ภายนอกถ้ำคือ การสำรวจบริเวณทั้งหมดเพื่อหาทางช่วยเหลือ หรือทางออกอื่นมากกว่าแค่ทางถ้ำ ประโยชน์คือ โดยครั้งแรกจิสด้าได้อัพเดทภาพถ่ายล่าสุดทันสมัยที่สุดส่งไปยังทีมสำรวจเพื่อใช้ในการวางแผนข้อมูลทั้งหมด ว่าตรงไหนมีน้ำเข้า น้ำออก และน้ำออกมาแล้วจะผันน้ำไปทางไหน
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ในช่วงเกิดเหตุมีความวุ่นวายอย่างบ้าง ข้อมูลต่าง ๆ มาจากคนที่มีและไม่มีความรู้ จึงต้องระมัดระวัง หน้าที่ในการชี้ตำแหน่งพิกัด จึงต้องใช้ข้อมูลจากจิสด้า โจทย์ใหม่ของรอบนี้ คือ ข้อมูลบางอย่างไม่ได้อยู่บนพื้นผิวโลก แต่มันอยู่ในถ้ำ ซึ่งต้องใช้เวลาและผู้มีประสบการณ์ในการสร้างข้อมูลร่วมกันในรูปแบบของบิ๊กดาต้า ซึ่งในอนาคตทุกหน่วยงานจะเป็นเจ้าของข้อมูลร่วมกันสามารถนำไปให้ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจและบริหารจัดการได้ ซึ่งเป็นประโยชน์มากในอนาคต
ด้านคุณนวลวรรณ์ เกียรติวัฒน์ นักผังเมือง สำนักการช่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า นักผังเมือง ซึ่งเป็นนักภูมิศาสตร์ได้ทำร่วมกับนักธรณีวิทยา ที่เรียกตัวเองว่าเป็นทีมงาน ท้ายถ้ำ ทำการประเมินอากาศในถ้ำ การบริหารจัดการน้ำออกจากถ้ำ ดูทิศทางน้ำ ว่ามาจากทิศไหน ลักษณะของหิน น้ำ ความชื้น ที่ต้องตัดสินใจว่าจะจัดการปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไร นอกจากนี้ยังหาหลุมยุบ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ของกรรมวิธีการสกัดข้อมูลให้รู้ว่าตรงไหนเป็นโพรง สามารถเจาะลงไปได้บ้าง การทำงานครั้งนี้ถือเป็นการบูรณาการการทำงานอย่างเต็มรูปแบบในประวัติศาสตร์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี