เมื่อเวลา 11.15 น.วันนี้ (2 ส.ค.) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ควบคุมตัว 1.นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ปัจจุบันเป็นผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, 2.นายแก้ว ชิดตะขบ อดีตนักวิชาการศาสนา กองพุทธศาสนศึกษา ปัจจุบันเป็น ผอ.พศ.จ.อ่างทอง, 3.นายณรงค์เดช ชัยเนตร อดีต ผอ.กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา พศ.ปัจจุบันเป็น ผอ.พศ.จ.สิงห์บุรี, 4.นายวสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ อดีต ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนาสงเคราะห์ พศ., 5.นายบุญเลิศ โสภา อดีต ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา พศ.จ.ลำปาง ปัจจุบันเป็น ผอ.พศ.จ.กาญจนบุรี, 6.นายชยพล พงษ์สีดา อดีตรอง ผอ.พศ., 7.นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี อดีตนักวิชาการศาสนา กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา พศ.จ.นครปฐม และ 8.นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ พศ. ปัจจุบันเป็น ผอ.กลุ่มการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ พศ.
ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตฯ เมื่อเดือน ก.ค.-ส.ค.2561 คดีร่วมกันทุจริตเบียดบังเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในการจัดสรรเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาและเงินอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม หรือคดีเงินทอนวัด มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกต่อศาลเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-13 ส.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 10-15 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร สตช.และพยานหลักฐานอื่นๆ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาแต่ละคนมีหมายจับหลายคดี และคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าหากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
*เปิดสำนวนพบผิด ม.157,147 ส่อคุกตลอดชีวิต
ทั้งนี้ คำร้องฝากขังได้แยกเป็น 3 สำนวน สำนวนแรก คือ นายวสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ อดีต ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ พศ.โดยพฤติการณ์ขณะเกิดเหตุเมื่อระหว่างวันที่ 1 ต.ค.-4 ธ.ค. 2557 ขณะที่นายวสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่ง ผอ. ได้มีการอ้างผลการประชุมที่ให้มีการจัดสรรเงินงบประมาณ พศ. ประจำปี พ.ศ.2558 ที่เป็นเงินอุดหนุนการเผยแผ่พุทธศาสนาให้กับวัดมุขธาราราม และวัดท่าพญา จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 21,300,000 บาท โดยไม่มีการเสนอรายงาน หรือรับรองการประชุม และภายหลังได้มีการเบิกถอนเงินไปให้กับนายเจษฎา วงศ์เมฆ นักธุรกิจรับเหมา ซึ่งเป็นบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง คงเหลือเงินเพียง 700,000 บาทให้วัดทั้งสองแห่ง
การกระทำของนายวสวัสดิ์ ผู้ต้องหานี้เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ได้เบียดบังทรัพย์นั้นไปเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต มาตรา 147 ระวางโทษจำคุก 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000 - 400,000 บาท
*"3 อดีต ผอ." ร่วมกับ"พนม"จัดงบให้วัดสระเกษ
สำนวนที่ 2 มีนายณรงค์เดช ชัยเนตร อดีต ผอ.กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา พศ., นายชยพล พงษ์สีดา อดีตรอง ผอ.พศ. และนายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี อดีตนักวิชาการศาสนา กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา พศ.จ.นครปฐม ผู้ต้องหาซึ่งมีพฤติการณ์ปรากฏคือ เมื่อระหว่างวันที่ 15 ก.ย.-10 ธ.ค.2558 ได้ร่วมกับนายพนม ศรศิลป์ และพวกในการจัดสรรงบประมาณ พศ. ให้กับวัดสระเกศ เพื่อจัดตั้งศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาในปี 2559 เป็นเงินจำนวน 32,500,000 บาท และจำนวน 31,200,000 บาท เพียงวัดเดียว ทั้งที่การจัดสรรงบจะต้องดำเนินการให้แก่วัด 12 แห่ง ซึ่งภายหลังได้มีการเบิกถอนเงินให้กับบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องหลายครั้งหลายหน
การกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 3 รายเป็นความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ได้เบียดบังทรัพย์นั้นไปเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต มาตรา 147 และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานทำให้เสียหาย ทำลายซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์หรือเอกสารใดฯ มาตรา 158 ประกอบมาตรา 83
*"แก๊งนพรัตน์"สมคบ"พรหมดิลก"วัดสามพระยา
ส่วนสำนวนที่ 3 มีนางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ พศ., นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.), นายบุญเลิศ โสภา อดีต ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา พศจ.ลำปาง และนายแก้ว ชิดตะขบ อดีตนักวิชาการศาสนา กองพุทธศาสนศึกษา ผู้ต้องหาซึ่งมีพฤติการณ์ปรากฏคือ เมื่อเดือน ธ.ค. 2556 - ธ.ค. 2557 ได้ร่วมกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.พศ.ขณะนั้น (หลบหนี) โดยนายพนม เป็นรอง ผอ.พศ.ขณะนั้น จัดสรรงบประมาณ พศ.ในส่วนเงินอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ให้กับวัดสามพระยา จำนวน 5,000,000 บาท ทั้งที่วัดสามพระยา ไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งต่อมาพระพรหมดิลก (เอื้อน กลิ่นสาลี) เจ้าอาวาส (ขณะนั้น) เมื่อทราบเรื่องก็ได้เบิกถอนเงินให้กับบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง อันเป็นการเบียดบังทรัพย์สินไปโดยมิชอบ โดยผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน พศ.และพระพรหมดิลก ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่า วัดสามพระยาไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม
การกระทำของพระพรหมดิลก จึงเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ส่วนผู้ต้องหาทั้งสี่ก็มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ได้เบียดบังทรัพย์นั้นไปเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต มาตรา 147 และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารฯ ได้รับรองเอกสารเป็นหลักฐานอันเป็นความเท็จฯ มาตรา 162 (4)
เหตุเกิดที่สำนักงาน พศ. อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม, วัดสระเกศ, วัดสามพระยา และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ส่วนชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
*จับเข้าห้องขับไปอยู่รวมกับอดีตพระเถระ 6 ราย
กระทั่งเวลา 13.30 น.ศาลได้พิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาทั้งหมด โดยนายวสวัสดิ์ ผู้ต้องหาสำนวนแรกแถลงคัดค้านการฝากขัง พร้อมยืนยันว่าตนปฏิบัติตามหน้าที่และประเพณีปฏิบัติเมื่อที่ผ่านมา ส่วนผู้ต้องหาอีก 7 รายก็ขอคัดค้านการฝากขังในทำนองเดียวกันว่า ทุกคนได้ให้ความร่วมมือและให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนเป็นอย่างดีตลอดมา ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี อีกทั้งผู้ต้องหาบางรายมีภาระจะต้องดูแลบุตร และพนักงานสอบสวนน่าจะรวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว
ขณะที่พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบยื่นคำร้องฝากขัง แถลงยืนยันต่อศาลถึงเหตุจำเป็นเพื่อขอฝากขังผู้ต้องหาว่าจะต้องสอบพยานบุคคลอีก 10-15 ปาก โดยจะรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่ากรณียังมีเหตุจำเป็นตามคำร้องของพนักงานสอบสวนดังกล่าวจึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 8 คนได้เป็นเวลา 12 วัน
ต่อมาญาติของผู้ต้องหาทั้งหมดได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขัง อย่างไรก็ตามขณะนีค้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี