หากพูดถึงยุคปัจจุบันดูอะไรๆ ก็เปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีที่เข้ามาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสาร ข้อมูล ที่เข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว พูดได้ว่ายุคที่ธุรกิจเก่าต้องมีการปรับเปลี่ยน และธุรกิจใหม่กำลังจะเข้ามาแย่งชิงพื้นที่ในการตลาดมากขึ้น ปัจจุบันนักธุรกิจ บริษัทเอกชน นำเทคโนโลยีเพื่อสร้างนวัตกรรมในการเพิ่มมูลค่าสินค้า และการปรับปรุงบุคลากรบางส่วนออกเพื่อลดความฟุ้มเฟือย หรือรัดเข็มขัด ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้แล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่จะเกิดผลกระทบโดยตรงก็ คือ ตัวธุรกิจ และตัวที่เป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนธุรกิจ คือ คน... รู้สึกหวั่นๆ ขึ้นมาทันทีสำหรับคนที่กำลังหางานทำอยู่ และคนที่อยู่ในบริษัทที่ถือว่าเสี่ยงต่อการตกงาน อาจจะไม่ใช่ภายในปีนี้ แต่อาจจะหมายถึง 2-3 ปีข้างหน้า
รศ.ดร.คมสัน มาลีสี คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) สถาบันที่มีการศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาด้าน AI ของไทยไว้ว่า ประเทศไทยก็เหมือนกับนานาประเทศที่หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่เป็นกลไกสำคัญในการปฏิวัติอุตสาหกรรม และการพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อนำไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ความก้าวหน้าของหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจะเป็นตัวขับเคลื่อนและปรับเปลี่ยนหลายธุรกิจอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องศึกษาและพัมนาเทคโนโลยี AI เพื่อรองรับความต้องการเพิ่มขึ้น ในส่วนของภาครัฐเองก็มีนโยบายที่จะให้การสนับสนุนหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ โดยกำหนดให้เป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่รัฐบาลส่งเสริมการลงทุน พัฒนาบุคคลากร และการผลิตในประเทศไทย
ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจที่มีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้มากที่สุด ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ บริการการแพทย์ และบริการทางการเงิน นอกจากนี้ AI ยังถูกนำไปใช้ในธุรกิจอื่นๆอีกมาก ดังนั้นจึงมีการคาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้ AI จะเข้ามาทดแทนแรงงานมนุษย์ในหลายธุรกิจของไทย ซึ่งส่งผลให้เกิดการปรับลดพนักงานตามมา ได้แก่
1.อุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากมีการนำ AI มาใช้ในทุกขั้นตอนการผลิต ความจำเป็นในการว่าจ้าง พนักงานจึงลดลง โดยฉพาะพนักงานระดับล่างที่อยู่ในสายการผลิตนั้นสุ่มเสี่ยงที่จะตกงานมากที่สุด
2.อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิค จะมีการนำระบบแขนจักรกลมาใช้ในกระบวนการผลิต แทนแรงงานมนุษย์ ทำให้แรงงานค่อยๆหมดความหมายไปไหนที่สุด
3.ธุรกิจการเงิน ซึ่งบุคลากรได้แก่ พนักงานธนาคารและประกันภัย นั้นคาดว่าทุกธนาคารต่างลงทุนใช้ AI เพื่อบริหารบิ๊กดาต้า นำมาวิเคราะห์สร้างกลยุทธ์บริการลูกค้าที่โดนใจ รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พนักงานมีความจำเป็นน้อยลงจึงมีการยุบสาขา และลดพนักงานลง
4.Call Center และพนักงานขายผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งในระยะเวลาอันใกล้จะถูก AI เข้ามาแทนที่ โดยไม่ต้องใช้พนักงานอีกต่อไป
5.พนักงานบัญชี อาชีพนี้ถูกคาดการณ์ว่าจำนวนพนักงานลดลง 8% ในปี 2024 เนื่องจากการเก็บรายรับ รายจ่าย การลงบัญชี จะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปออกมาขายมากมายทำให้เจ้าของกิจการสามารถลงบัญชีได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องจ้างพนักงานบัญชี
6.เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล เอไอช่วยให้ระบบที่ใช้คนและงานเอกสารเป็นพื้นฐาน ใช้เวลาและงบประมาณสูง ผ่านระบบคำนวณค่าตอบแทนอัตโนมัติช่วยประหยัดเวลาในการจัดสรรสวัสดิการและค่าตอบแทนให้พนักงานจำ เช่น โปรแกรม Ultipro และ Workday ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
7.พนักงานต้อนรับ ระบบโทรศัพท์อัตโนมัติและระบบการลงตารางสามารถแทนที่ตำแหน่งพนักงานต้อนรับได้เป็นอย่างดี จึงมีแนวโน้มว่าในอนาคตบริษัทต่างๆอาจหันมาใช้ระบบอัตโนมัติแทนการจ้างพนักงาน
8.พนักงานขายโฆษณา การใช้สื่อโฆษณาปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงจากสื่อเดิมไปเป็นสื่อดิจิทัลมากขึ้น และสื่อใหม่เหล่านี้สามารถสร้างระบบให้ผู้ใช้บริการซื้อโฆษณาได้ด้วยตัวเอง จึงไม่มีพนักงานขายมาเกี่ยวข้องในสื่อดิจิทัล ในอนาคตพนักงานขายโฆษณาจึงมีความจำเป็นลดลง
9.พนักงานพิสูจน์อักษร เนื่องจากปัจจุบันโปรแกรมพิสูจน์อักษรถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย จากฟังก์ชั่นพื้นฐานอย่าง Microsoft word ไปจนถึงโปรแกรมตรวจพิสูจน์อักษรอย่าง Grammarly และ Hemingway App และยังมีเทคโนโลยีอีกมากมายที่ช่วยให้นักเขียนสามารถตรวจพิสูจน์อักษรได้ด้วยตัวเอง แนวโน้มการจ้างงานพนักงานพิสูจน์อักษรจึงลดลง
10.เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ หลายๆองค์กรเริ่มใช้ Bots และการตอบแบบอัตโนมัติ ในการช่วยแก้ปัญหาให้พนักงานและลูกค้าในอนาคต ทั้งวิธีการใช้ มีคำแนะนำเป็นขั้นเป็นตอนในการแก้ปัญหาเบื้องต้น จึงไม่แปลกใจที่ในอนาคตความต้องการบุคลากรด้านนี้จึงน้อยลง
11.พนักงานขายสินค้าตามห้าง ปัจจุบันเริ่มมีห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่ต้องมีพนักงาน ขณะที่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์หลายๆบริษัท ได้เพิ่มความเป็นส่วนตัวและอำนวยความสะดวก ให้ลูกค้าเลือกสินค้าที่ต้องการแล้วสามารถจ่ายเงินได้ด้วยตัวเอง ส่วนผู้บริโภคในปัจจุบันก็สามารถหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจจากอินเทอร์เน็ตด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาพนักงานขายของตามห้างอีกต่อไป
12.คนเดินหนังสือ,พนักงานส่งของ ในอนาคตพนักงานส่งของอาจจะถูกแทนที่ด้วยโดรนหรือหุ่นยนต์ ซึ่งแม้ตอนนี้อาจยังไม่ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานยังไม่เรียบร้อย แต่เชื่อว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเห็นผลชัดเจน ภายใน 2024
13.นักวิจัยการตลาด แม้นักวิจัยการตลาด ถือเป็นหน้าที่สำคัญในการสร้างข้อความและคอนเทนท์ให้สินค้าบริการต่างๆ แต่ระบบอัตโนมัติ สามารถสร้างข้อมูลเหล่านี้ได้มากกว่าและง่ายกว่า เช่น GrowthBot สามารถรวบรวมงานวิจัยการตลาดในหัวข้อที่คุณสนใจและคู่แข่งในอุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งแจ้งผ่านทางคำสั่งทาง Slack (โปรแกรมแชทสำเร็จรูปเจ้าหนึ่ง) ได้ทันที ในอนาคตนักวิจัยตลาดจึงเสี่ยงที่จะตกงานเช่นกัน
"ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่า AI เป็นกลไกสำคัญที่สามารถตอบโจทย์ทั้ง ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และการตลาดยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับพฤติกรรมของผู้บริโภค AI จึงถูกนำมาใช้แทนบุคลากรที่เป็นมนุษย์ในหลายๆตำแหน่ง แต่บุคลกรเหล่านี้ก็สามารถปรับเปลี่ยนไปทำหน้าที่อื่นเพื่อช่วยพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น๐" รศ.ดร.คมสัน ระบุ
สำหรับรายงานตลาดแรงงานปีหน้าจะเป็นเช่นไร? จากทีดีอาร์ไอ (ข้อมูลเดือนต.ค.60) ระบุว่า ประชากรวัยแรงงาน 56.05 ล้านคน ผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 37.22 ล้านคน ผู้มีงานทำ 36.65 ล้านคน แรงงานในระบบ 15.34 ล้านคน แบ่งเป็น แรงงาน Semi-Skilled ขึ้นไป 41.8% กลุ่มลูกจ้างเอกชน 14.4 ล้านคน ส่วนแรงงานนอกระบบ 21.31 แสนคน แบ่งเป็น ภาคเกษตรกร 11.04 ล้านคน ทำงานส่วนตัว10.27 ล้านคน มีผู้ว่างงาน 4.8 แสนคน และผู้อยู่นอกกำลังแรงงาน 18.83 ล้านคน แบ่งเป็น ทำงานบ้าน 5.72 ล้านคน เรียนหนังสือ 4.44 ล้านคน พระ/เณร 0.33 ล้านคน ผู้ต้องขัง 0.30 ล้านคน อยู่ในสถานพินิจ 0.03 ล้านคน
ผลสำรวจตลาดแรงงาน และภาคธุรกิจอุตสาหกรรมไทย โดยแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ระบุถึงสถานการณ์ในปี 2560 ที่ผ่านมาว่า สายงานที่ตลาดแรงงานต้องการสูงสุด อันดับ 1. งานขายและการตลาด อันดับ 2. งานบัญชีและการเงิน อันดับ 3. งานไอที อันดับ 4. งานวิศวกร อันดับ 5. งานบริการลูกค้า ขณะที่ ธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานสูงสุด ได้แก่ 1 กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ บริการเฉพาะกิจ และการท่องเที่ยวและสันทนาการ 2. สินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรมเครื่องจักร และยานยนต์ 3. เทคโนโลยี กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 4. เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และ5. สินค้าอุปโภคและบริโภค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี