เปิดศึกแย่งลูก...ทำไม??? ยธ.กางกฎหมายแนะ8ทางออก‘ฟรี’
11 ส.ค.61 นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ค “ธวัชชัย ไทยเขียว” แนะนำขั้นตอนทางกฎหมาย ในการขอเลี้ยงดูบุตรหลังการหย่าร้าง หรือแยกทางของสามีภรรยา ว่า เมื่อหมดรักและหมดใจ อย่ากลัวเรื่องที่จะแยกทางหรือลาออกจากการเป็นผัวเมียกัน แต่...จงกลัวว่าเราไม่สามารถลาออกจากการเป็นพ่อแม่ได้นั้น จะทำอย่างไรจึงจะชอบด้วยกฎหมาย
การดำเนินคดีครอบครัวในศาลฟรีครับ..ไม่เสียค่าใช้จ่าย กรณีถ้าไม่มีทนายความสามารถขอให้ศาลแต่งตั้งให้ก็ได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามมาตรา 158 โดยมีขั้นตอนการดำเนินการทางคดีง่ายๆ ดังนี้
1. ไปยื่นคำฟ้อง หรือคำร้องขอใด ๆ ในคดีครอบครัวที่ผู้เยาว์มีผลประโยชน์หรือส่วนได้เสียที่ศาลเยาวชนและครอบครัวในจังหวัดที่คุณมีภูมิลำเนาอยู่ครับ
2. เมื่อศาลเยาวชนฯ ได้รับคำฟ้องหรือคำร้องแล้ว ศาลจะแจ้งให้ผู้อำนวยการสถานพินิจที่ผู้เยาว์นั้นอยู่ในเขตอำนาจทราบ เพื่อไปประมวลและรายงานเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของครอบครัว สวัสดิภาพ ความประสงค์หรือประโยชน์สูงสุดของผู้เยาว์และข้อเท็จจริงอื่นและเสนอความเห็นต่อศาลโดยไม่ชักช้า
3. เมื่อศาลได้รับความเห็นของผู้อำนวยการสถานพินิจแล้ว ศาลก็จะแจ้งความเห็นนั้นให้คู่ความทราบ คู่ความมีสิทธิที่จะแถลงคัดค้านและนำสืบหักล้างข้อมูลดังกล่าวได้ตามมาตรา 168 ปกติคดีครอบครัวการพิจารณาพิพากษานั้น ตามกฎหมายจะให้ศาลพยายามเปรียบเทียบให้คู่ความได้ตกลงกันหรือประนีประนอมกันในข้อพิพาทโดยคำนึงถึงความสงบสุขและการอยู่ร่วมกันในครอบครัวเป็นสำคัญก่อนมาตรา 146 เพื่อคำนึงถึงสวัสดิภาพและอนาคตของบุตรเป็นสำคัญ โดยเฉพาะต้องรับผิดชอบในการดูแลให้การศึกษาแก่บุตรที่เป็นผู้เยาว์
ซึ่งศาลเยาวชนก็จะตั้งผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวเข้ามาทำหน้าที่ตามมาตรา 148 และในการพิจารณาคดีคู่ความทั้งสองฝ่ายหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประสงค์หรือไม่ประสงค์จะให้มีผู้พิพากษาสมทบเป็นองค์คณะด้วยก็ได้ โดยร้องขอต่อศาล แต่ถ้าคดีนั้นเป็นคดีที่ผู้เยาว์มีผลประโยชน์หรือส่วนได้เสีย ศาลจะเป็นผู้กำหนดให้มีผู้พิพากษาสมทบเองได้ และถ้าจำเป็นต้องฟังความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ จิตวิทยา การให้คำปรึกษา แนะนำการสังคมสงเคราะห์ และการคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ศาลอาจเรียกบุคคลดังกล่าวมาร่วมปรึกษาหารือหรือให้ความเห็นได้ตามมาตรา 147
4. การดำเนินการดังกล่าวข้างต้นในระหว่างการไกล่เกลี่ยหรือพิจารณาคดี ศาลอาจมอบหมายให้ผู้อำนวยการสถานพินิจ นักสังคมสงเคราะห์ หรือนักจิตวิทยา ดำเนินการสืบเสาะภาวะความเป็นอยู่ของครอบครัวเพื่อมาใช้ประโยชน์ในการเปรียบเทียบให้คู่ความได้ตกลงหรือประนีประนอมกันในข้อพิพาทหรือเมื่อเห็นเป็นการสมควรและคู่ความได้ยินยอมแล้ว จะสั่งให้แพทย์หรือจิตแพทย์ตรวจสภาพร่างกายหรือสภาพจิตของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจก็ได้ตามมาตรา 152
คู่ความจะรู้สึกปลอดภัยและมั่นในในกระบวนการพิจารณา เพราะศาลจะสั่งให้ดำเนินการเป็นการลับเฉพาะต่อหน้าตัวความทุกฝ่ายหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยจะให้มีทนายความอยู่ด้วยหรือไม่ก็ได้ตามคำร้องขอของคู่ความ และเพื่อเป็นการปกป้อง ข้อมูลเกี่ยวกับคดีไม่สามารถนำไปโฆษณา ไม่ว่าด้วยวาจา เป็นหนังสือ เผยแพร่ทางสื่อมวลชน สื่อสารสนเทศหรือโดยวิธีการอื่นใดซึ่งคำคู่ความ ข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ใด ๆ ในคดี หรือคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีครอบครัวหรือการไกล่เกลี่ยคดีครอบครัว ห้ามมิให้แพร่ภาพ แพร่เสียง ระบุชื่อหรือแสดงข้อความหรือกระทำการด้วยประการใด ๆ อันอาจทำให้รู้จักตัวคู่ความหรือทำให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณของบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือถูกกล่าวถึงในคดี เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลตามมาตรา 153 ถ้าฝ่าฝืนก็จะมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 192 ครับ
5. กรณีถ้าในคดีนั้นมีคำพิพากษาให้มีชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูหรือค่าเลี้ยงชีพนั้น สิทธิเรียกร้องเป็นเงินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาให้อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีเป็นจำนวนตามที่ศาลเห็นสมควร ซึ่งจะคำนึงถึงฐานะในทางครอบครัวของลูกหนี้ตามคำพิพากษา จำนวนบุพการี และผู้สืบสันดานซึ่งอยู่ในความอุปการะของลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วย ศาลท่านอาจตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี เจ้าพนักงานศาล เจ้าพนักงานอื่นหรือบุคคลที่ศาลเห็นสมควรเป็นผู้ดำเนินการ โดยจะได้รับการยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีดังกล่าวตามมาตรา 154 และถ้าคดีนั้นๆ มีเรื่องสินสมรส ค่าทดแทน ที่พักอาศัย การอุปการะเลี้ยงดูสามีภริยาและการพิทักษ์อุปการะเลี้ยงดูบุตรหรือวิธีการใด ๆ เพื่อคุ้มครองสิทธิหรือประโยชน์ของคู่ความหรือบุตรได้ตามความจำเป็นและสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดีศาลมีอำนาจกำหนดวิธีการหรือมาตรการคุ้มครองชั่วคราวในตามมาตรา 159 ได้ด้วย
6. นอกจากนี้ ศาลมีอำนาจตั้งผู้อำนวยการสถานพินิจที่ผู้เยาว์นั้นอยู่ในเขตอำนาจเป็นผู้กำกับการปกครอง และให้ผู้กำกับการปกครองมีอำนาจหน้าที่สอดส่องว่าบิดา มารดา หรือผู้ปกครองของผู้เยาว์ได้ใช้อำนาจปกครองเพื่อสวัสดิภาพและอนาคตของผู้เยาว์หรือไม่ และให้มีอำนาจหน้าที่อื่นตามที่ศาลมอบหมาย รวมทั้งรวบรวมและรายงานข้อเท็จจริงและการปฏิบัติหน้าที่ของผู้กำกับการปกครองต่อศาลเป็นครั้งคราวหรือภายในกำหนดเวลาที่ศาลสั่ง ซึ่งในที่นี้ให้หมายรวมถึงให้นำมาใช้บังคับแก่ผู้อนุบาลของผู้เยาว์ซึ่งเป็นคนไร้ความสามารถหรือผู้พิทักษ์ของผู้เยาว์ซึ่งเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถโดยอนุโลมด้วย
7. ในระหว่างการกำกับการปกครองดังกล่าว หากผู้อยู่ใต้การกำกับการปกครองเห็นว่าการกระทำหรือคำวินิจฉัยของผู้กำกับการปกครองไม่เป็นไปเพื่อสวัสดิภาพและอนาคตของผู้เยาว์ หรือตามที่ศาลมอบหมาย ผู้อยู่ใต้การกำกับการปกครอง ก็สามารถไปร้องต่อศาลที่สั่งตั้งผู้กำกับการปกครองภายในกำหนด ๑๕ วันนับตั้งแต่วันที่ได้ทราบการกระทำหรือคำวินิจฉัยนั้น ซึ่งศาลมีอำนาจสั่งแก้ไขการกระทำหรือสั่งยืน กลับ หรือแก้ไขคำวินิจฉัยของผู้กำกับการปกครองหรือสั่งการอย่างอื่นตามที่เห็นสมควรครับตามมาตรา ๑๖๙
8. กรณีที่ศาลจะตั้งผู้ปกครองของผู้เยาว์ ถ้าผู้เยาว์ไม่มีบิดา มารดา หรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองหรือความเป็นผู้ปกครองของผู้เยาว์สิ้นสุดลง หรือมีเหตุจะถอนผู้ปกครองของผู้เยาว์ และศาลเห็นว่าไม่มีผู้เหมาะสมที่จะปกครองผู้เยาว์หรือจัดการทรัพย์สินของผู้เยาว์ ศาลจะตั้งผู้อำนวยการสถานพินิจที่ผู้เยาว์นั้นอยู่ในเขตอำนาจหรือครอบครัวอุปถัมภ์ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก หรือบุคคลอื่นใด เป็นผู้ปกครองผู้เยาว์หรือผู้จัดการทรัพย์สินของผู้เยาว์ก็ได้
“เห็นว่าขั้นตอนต่างๆมีกฎหมายเขียนไว้อย่างชัดเจน สำหรับคนที่หมดรักกัน แต่มีบุตรที่ยังเป็นผู้เยาว์ เด็กหรือเยาวชนครับ จึงไม่ควรจัดการปัญหาตามอำเภอใจครับ เดี๋ยวจะมีคดีอื่นๆงอกขึ้นมา ทั้งยังส่งผลกระทบต่อบุตรอย่างประมาณค่าไม่ได้ตามมาครับ” นายธวัชชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี