หากพูดถึงแหล่งท่องเที่ยว “เมืองรอง” ไม่ได้เป็นสองรองใครทั้งยังมีความน่าสนใจพอตัว ด้วยการแสดงเอกลักษณ์ต่างๆ ของพื้นที่ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตต่างๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นการสร้างเสน่ห์ให้พื้นที่เมืองรอง สำหรับเรื่องอาหารก็ไม่แพ้เมืองท่องเที่ยวหลัก ยังรวมถึงสินค้าชุมชนที่จะช่วยส่งเสริมรายได้ให้กับคนในชุมชนอีกด้วย
ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์ ได้พูดคุยกับ “นายนิธี สีแพร” ผู้อำนวยการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.ททท. เล่าให้ฟังถึงการเตรียมแผนรองรับนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ว่า ทาง ททท.ได้เตรียมแผนพื้นฐานที่จะให้นักท่องเที่ยวมากขึ้นในภายในปี 2562 ไม่ว่าคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยการทำให้แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีความน่าสนใจ ดึงจุดสำคัญต่างๆ ออกมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาตามความเป็นมาในจุดที่ไป เกี่ยวกับความยั่งยืนมีการให้ความรู้กับชุมชนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และการต้อนรับ นักท่องเที่ยว ด้วยการเป็นเจ้าบ้านที่ดี รวมถึงการสร้างมูลค่าในพื้นที่ชุมชนด้วยทั้งนี้ยังมีการรับรู้ข่าวสารโดยการประชาสัมพันธ์ไปตามสื่อต่างๆอย่างไรก็ตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีนโยบายไว้ว่าจะต้องลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชนให้ได้นอกจากนี้ยังต้องมีความยั่งยืนให้การท่องเที่ยวไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมรวมถึง การมีน้ำใจของคนไทยในท้องถิ่นให้มีการช่วยเหลือกัน และให้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างดี ส่วนด้านความปลอดภัยนั้น ให้คนในชุมชนหรือท้องถิ่นช่วยกันดูแลทั้งชีวิตและทรัพย์สินรวมถึงการเดินทางของนักท่องเที่ยว
นายนิธี เล่าต่ออีกว่า ขณะนี้ได้เตรียมการกระจายพื้นที่ท่องเที่ยว เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวไปอยู่ในจุดที่เป็นจุดหลักเพียงจุดเดียว จึงมีนโยบายกระจายไปยังพื้นที่ใกล้เคียงหรือที่เรียกว่าเมืองรองให้มากขึ้น เช่นจังหวัดชัยภูมิ, อุบลราชธานี, ตราด, สกลนคร, แพร่, น่าน, อุตรดิตถ์, อ่างทอง เป็นต้น เพราะฉะนั้นจะต้อง โปรโมทการท่องเที่ยวเมืองรอง ทั้งนี้ ยังมีการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวในวันธรรมดาให้เหมือนวันหยุดยาว หรือวันนักขัตฤกษ์ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย เพราะปัจจุบันเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเราได้มีการกำชับให้ดูแลกันอย่างเต็มที่มีการสร้างเครือข่ายเกิดขึ้นเพื่อระดมความคิดว่าจะให้ฝ่ายไหนเนินงานร่วมกันได้อย่างไรมีการประสานงานต่างๆ ให้เป็นรูปประธรรมมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังให้สำนักงานที่เกี่ยวข้องกระจายเป็นกระบอกเสียงและประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับสถานทูตต่างๆ รวมถึงผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่และสายการบินต่างๆ ที่จะเป็นกระบอกเสียงในการเตรียมความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย
“ผมมั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้น เพราะขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากกว่า ปี 2560 ร้อยละ 5-10 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่เราตั้งเป้าไว้ประมาณ 30 - 40 ล้านคน คาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอนและคาดว่าจะมาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกอย่างแน่นอน นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเข้ามาท่องเที่ยวเป็นอันดับ1 ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีคุณภาพเข้ามาเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงศึกษา และการซึมซับวัฒนธรรมมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่มีประสบการณ์ เข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและพื้นที่ชุมชนมากขึ้นด้วย” นายนิธี กล่าว
นายนิธี กล่าวต่อว่า ในด้านการส่งเสริมและช่วยเหลือสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในชุมชนนั้น ซึ่ง ททท.ได้ประสานหน่วยงานส่วนต่างๆ และดูว่าชุมชนไหนที่พร้อมจะขายของในพื้นที่ได้ ขณะมีกว่า 100 ชุมชนที่มีความพร้อมในด้านต่างๆ ส่วนปัญหาที่พบมากเห็นว่าจะเป็นเรื่องของภาษา พี่จะต้องสื่อสารกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอาจจะเน้นภาษาอื่นเพิ่มมากขึ้นด้วย เพื่อส่งเสริมให้คนในชุมชน ได้สื่อสารกับนักท่องเที่ยวได้อย่างดี
“ททท.เน้นส่งเสริมเมืองท่องเที่ยวที่เป็นเมืองรอง เพราะหลายคนจะรู้จักเฉพาะเมืองหลักเท่านั้น แต่ในส่วนของเมืองรองนั้น ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเมืองรองที่มีสถานที่ที่น่าสนใจ เช่น มีเรื่องราวธรรมชาติที่สวยงาม วัฒนธรรม ภูมิปัญญา เป็นต้น รวมถึงการอบรมการขายเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในเมืองรองมากขึ้น เนื่องจากเมืองรองบางแห่งยังไม่พร้อมที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว ททท.มีการส่งเสริมให้ใช่เมืองหลัก หรือจังหวัดใกล้เคียงที่มีคนรู้จักเป็นอย่างดี แนะนำนักท่องเที่ยวควบคู่ไปกับเมืองรอง เมืองรองคู่กับเมืองรองด้วยกัน ทั้งนี้ เรายังมีการส่งเสริมให้พื้นที่การท่องเที่ยวในชุมชนมีการหมุนเวียนในพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มมากขึ้น เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยด้วย" นายนิธี กล่าว
ก่อนหน้านี้ “นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ” รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันสัดส่วนการเดินทางท่องเที่ยวเข้าสู่เมืองรองอยู่ที่ร้อยละ 30 ขณะที่การท่องเที่ยวเมืองหลักสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 70 โดย ททท.ตั้งเป้าปลายปีนี้สัดส่วนการท่องเที่ยวเมืองรองจะขยับขึ้นมาที่ร้อยละ 40 หลังจากรัฐบาลมีนโยบายผลักดันการท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจ พัฒนาด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จากการสำรวจพบว่าสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวเมืองรองช่วง 5 เดือนแรกของปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ร้อยละ 4 มีเงินหมุนเวียนจากการท่องเที่ยวเมืองรองถึง 100,000 ล้านบาท
"เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเมืองรอง ททท. จึงได้จัดงานเทศกาลเมืองรองขึ้น ภายใต้แนวคิด กล้าให้ลองมหัศจรรย์ 55 เมืองรอง ลองไปแล้วจะรู้ อย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 22-26 สิงหาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยนำจุดเด่นวิถีชุมชนแต่ละภูมิภาค เส้นทางการท่องเที่ยว วัฒนธรรมพื้นบ้าน สิ่งของจากชุมชน พร้อมนำเสนอแพ็คเกจท่องเที่ยวในราคาพิเศษ โดยนักท่องเที่ยวที่จับจ่ายภายในงานยังสามารถนำค่าใช้จ่ายภายในงานไปลดหย่อนภาษีได้มูลค่าสูงสุด 15,000 บาท" นางสุจิตรา กล่าว
ประเทศไทยมีหลายจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ วัฒนธรรม ธรรมชาติที่สวยงาม รวมถึงชุมชนที่น่าสนใจอีกมากมาย ลองไปค้นพบความงามที่เราอาจจะมองข้ามไป แล้วจะพบว่า “เมืองรอง” ก็มีดีไม่แพ้เมืองหลักเช่นกัน
ภาพจาก : Chiangraiekkachai (เชียงใหม่),tickettail (น่าน),นายศุภฤกษ์ พูลทรัพย์, นายพิพัฒน์พล ใจรักษ์,นายศิรวิชญ์ พรหมแสง (พิษณุโลก),tourlaospakse (อุบลราชธานี),siamfreestyle (สุพรรณบุรี),whitepegasus (สมุทรสงคราม),Nathpong.K (สระแก้ว),iamkanchanida (นครศรีธรรมราช),sites.google (นราธิวาส)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี