“แก๊สหมด” , “รถติด” , “ไปส่งกะ” หลากหลายเหตุผลที่ทำให้คนไทย “หัวเสีย” กับคำตอบของบรรดา “แท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร” จนหลายคนเรียกร้องหา “อูเบอร์ (Uber)” บริการเรียกรถรับ - ส่งผ่านแอพพลิเคชั่นสัญชาติอเมริกัน แม้หน่วยงานภาครัฐของไทยอย่าง กรมการขนส่งทางบก จะออกมาเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเป็นบริการที่ผิดกฎหมาย แต่สำหรับผู้บริโภค “ผิดแล้วไง? ไม่แคร์! ก็มันดีกว่าแท็กซี่ถูกกฎหมายแบบเทียบกันไม่ได้” และเลือกใช้อูเบอร์กันแทนแท็กซี่อยู่พักใหญ่ ก่อนที่อูเบอร์จะทิ้งตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปเองในเวลาต่อมา
เป็นที่ทราบกันดีว่าบริการแบบอูเบอร์นั้นไม่ค่อยจะถูกกับแท็กซี่ท้องถิ่นเท่าใดนักไม่ว่าในไทยหรือประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เนื่องด้วยแท็กซี่ที่ได้รับรองตามกฎหมายนั้นถูกควบคุมอย่างเข้มงวดทั้งตัวรถที่ต้องมีอุปกรณ์ต่างๆ และทั้งคนขับที่ต้องมีใบขับขี่สาธารณะ ส่วนอูเบอร์นั้นขอเพียงมีรถส่วนตัวก็นำออกมารับงานได้ทันที จึงมองว่าเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม สำหรับ “บราซิล” ดินแดนแซมบ้าที่มีสีสันดึงดูดให้ไปท่องเที่ยว ที่นี่แม้แต่อูเบอร์ก็ไม่ใช่ว่าจะไปทุกที่ที่มีคนเรียก เปิดช่องให้มีผู้ให้บริการแบบเดียวกันออกมาทำหน้าที่แทน
เว็บไซต์ นสพ.The Guardian ของอังกฤษ นำเสนอรายงานพิเศษเรื่อง “The Sao Paulo taxi firm that dares to go where Uber doesn't (แท็กซี่แห่งเซา เปาโล! ไปในที่ที่อูเบอร์ไม่กล้าไป)” บอกเล่าเรื่องราวของ “อูบรา” (Ubra) บริการเรียกรถรับ - ส่ง สำหรับเข้าไปในย่าน “บราซิแลนเดีย” (Brasilandia) ชานเมืองเซา เปาโล ที่แม้บรรยากาศจะดูสนุกสนาน เด็กๆ วิ่งเล่น ผู้คนเดินผ่านทักทายกัน แต่สำหรับบุคคลภายนอกไม่ค่อยมีใครอยากย่างกรายเข้ามาเท่าใดนัก ด้วยความที่ “ความรุนแรงและอาชญากรรม” เป็นภาพที่ผู้คนนึกถึงเสมอสำหรับย่านชานเมือง
ย่าน “บราซิแลนเดีย (Brasilandia)” ชานเมืองเซา เปาโล ประเทศบราซิล ที่มาภาพ : The Guardian
ความกลัวนี้ยังรวมถึงบรรดาแอพพลิเคชั่นเรียกรถรับ - ส่งผู้โดยสาร เช่น อูเบอร์ (Uber) , 99 แท็กซี่ (99 Taxis) , แค็บบิฟาย (Cabify) ก็ยังต้องปฏิเสธผู้โดยสารที่ต้องการไป - กลับในย่านบราซิแลนเดียและชานเมืองจุดอื่นๆ เพื่อความปลอดภัยของผู้ให้บริการเอง ทำให้ที่ผ่านมาคนจากย่านบราซิแลนเดียซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย ต้องฝากชีวิตไว้กับรถประจำทางสภาพเก่าๆ และโดยสารกันแบบอัดแน่นเป็นปลากระป๋อง เพื่อเดินทางออกไปทำงานหรือทำธุระต่างๆ ภายนอกชุมชน โดยสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากชุมชนราว 5 ไมล์ (ประมาณ 9 กิโลเมตร)
ทว่า “ในวิกฤติยังมีคนเห็นโอกาส” เมื่อมีผู้เข้าไปเข้าไปชักชวนคนในชุมชนที่มีรถยนต์ส่วนตัว ให้มาร่วมเป็นบริการขนส่งทางเลือก นั่นคือ อัลวิมาร์ ดา ซิลวา (Alvimar da Silva) ผู้ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเคยขับรถในสังกัดของอูเบอร์มาก่อน แต่เมื่อพบว่าตัวเขาพร้อมด้วยลูกชาย ลูกสาว และมิตรสหายบางส่วนสามารถหารายได้เสริมจากการขับรถรับ - ส่งเพื่อนบ้านในย่านบราซิแลนเดีย และจากนั้นกลายเป็นว่าพวกเขาทำรายได้จากงานเสริมนี้มากกว่างานหลักอย่างขับอูเบอร์เสียอีก จึงตัดสินใจออกมาเปิดกิจการแท็กซี่ของบราซิแลนเดียอย่างเต็มตัว
(ซ้าย) อัลวิมาร์ ดา ซิลวา (Alvimar da Silva) และลูกสาว (ขวา) เอลิน แลนดิม (Aline Landim) ผู้ร่วมก่อตั้ง “อูบรา (Ubra)” แอพพลิเคชั่นรถรับ - ส่งผู้โดยสารของชาวบราซิแลนเดีย ที่มาภาพ : https://projetodraft.com/o-que-aconteceu-com-o-uber-da-periferia-paulistana-conseguiu-regularizacao-e-agora-enfrenta-o-gigante/
“มีเสียงร่ำลือว่าพื้นที่รอบนอกเมืองเป็นเขตอันตราย แต่ผมว่าความรุนแรงมันก็มีทุกที่นั่นแหละ บางทีใจกลางเมืองอาจจะอันตรายกว่าย่านชานเมืองก็ได้ เราจึงเลือกที่จะจ้างคนขับซึ่งเป็นคนในพื้นที่ หมายถึงคนที่เกิดและอาศัยอยู่ในย่านบราซิแลนเดียแห่งนี้ ซึ่งไม่มีอคติกับพื้นที่และไม่กลัวที่จะทำงานในย่านนี้” อัลวิมาร์ กล่าว
กิจการของอูบราค่อนข้างจะดำเนินไปได้ดีไม่น้อย มีรถวิ่งรับ - ส่งผู้โดยสารระหว่างบราซิแลนเดียกับพื้นที่อื่นๆ เฉลี่ย 5,000 - 6,000 เที่ยวต่อเดือน และได้รับเสียงชื่นชม อาทิ กิลแบร์โต โอลิเวียรา ซูซา (Gilberto Oliveira Souza) หรือชื่อเล่น “จาปา (Japa)” ประกอบอาชีพช่างตัดและตกแต่งผมในย่านนี้ บอกว่าบริการของอูบราเปรียบเสมือน “พรจากสวรรค์” เพราะทำให้เขาและครอบครัวรวมถึงคนอื่นๆ ในชุมชนสามารถเดินทางออกไปซื้อของหรือไปโรงพยาบาลในเมืองได้อย่างสะดวกสบาย
กิลแบร์โต เล่าว่าก่อนหน้านี้เขาต้องไปขึ้นรถเมล์ที่เวลาออกไม่แน่นอน หรือถ้าจะเรียกแท็กซี่ก็มักจะถูกปฏิเสธเพราะไม่ค่อยมีใครอยากมาในย่านบราซิแลนเดีย โดยจะส่งเพียงด้านนอกเท่านั้น ปล่อยให้ต้องเดินเท้าอีกเป็นระยะทางไกลพอสมควรกลับเข้ามาในชุมชน ซึ่งการใช้งานอูบรานั้นก็ไม่ต่างจากแอพพลิเคชั่นเรียกรถรับ - ส่งเจ้าอื่นๆ เพียงดาวน์โหลดแอพฯ ลงในโทรศัพท์มือถือ จากนั้นป้อนจุดที่รอรถและจุดหมายปลายทาง เมื่อมีผู้ให้บริการตกลงรับงานนั้น ผู้ใช้บริการก็จะได้รับหมายเลขทะเบียน ยี่ห้อ - รุ่นของรถ ชื่อคนขับที่จะมารับและเวลารอรถโดยประมาณ
กิลแบร์โต โอลิเวียรา ซูซา (Gilberto Oliveira Souza) ช่างตัดและตกแต่งทรงผมในย่านบราซิแลนเดีย ที่มาภาพ : The Guardian
ไม่เพียงเท่านั้น อูบรายังให้บริการผ่านการเรียกรถผ่านหมายเลขโทรศัพท์หรือแอพพลิเคชั่น “วอตส์แอปป์” (WhatsApp) เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ที่สัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ค่อยดีนักในย่านชานเมืองเซา เปาโล รวมถึงผู้ไม่มีโทรศัพท์มือถือหรือผู้ไม่ชำนาญในการใช้เทคโนโลยียุคดิจิตอล นอกจากนี้ อัลวิมาร์ ยังกล่าวอีกว่า “ผู้โดยสารสามารถจ่ายค่าเดินทางด้วยการเติมน้ำมันเบนซินสักถัง” ในรถของคนขับแทนก็ได้
เอลิน แลนดิม (Aline Landim) ลูกสาวของอัลวิมาร์ ดา ซิลวา กล่าวเสริมว่า จริงๆ แล้วเป้าหมายของอูบราคือการเติมเต็มในพื้นที่ที่แอพฯ ให้บริการรายอื่นๆ เข้าไม่ถึง แต่ท้ายที่สุดกลายเป็นการให้บริการไปทั่วเมืองเซา เปาโล และการหาคนขับมาทำงานก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะส่วนใหญ่ต้องการรับ - ส่งผู้โดยสารในพื้นที่รอบนอกอยู่แล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดและราคาน้ำมันเบนซินที่แพง พร้อมๆ กับการได้อยู่ใกล้บ้านและครอบครัว ทั้งนี้ในอนาคตอาจเปลี่ยนชื่อแอพฯ เป็น “จัวบรา (Jaubra)” เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายกับอูเบอร์
“บราซิแลนเดียมีประชากรมากกว่า 3 แสนคน และเรายังให้บริการได้เพียง 2 - 3 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่เท่านั้น แต่ในอนาคตเมื่อเราปรับปรุงแอพพลิเคชั่นใหม่ น่าจะขยายขอบเขตได้ถึง 15 - 20 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าบรรดาผู้ให้บริการรายใหญ่ๆ ทั้งหลายเลือกที่จะไม่กล้าออกมาพื้นที่รอบนอก โอกาสของเราก็จะเพิ่มขึ้นด้วย” อัลวิมาร์ กล่าวในท้ายที่สุด
ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสขนานแท้สำหรับอัลวิมาร์ ดา ซิลวา และครอบครัวชาวอูบรา จากที่เห็นชุมชนของตนไม่มีผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะรายใดกล้าเข้าพื้นที่แม้กระทั่งผู้ประกอบการรายใหญ่ระดับโลก ทำให้คนในชุมชนประสบความลำบากในการเดินทาง จึงลุกขึ้นมาริเริ่ม “บริการขนส่งโดยชุมชน - เพื่อชุมชน” และได้รับความนิยม ซึ่งไม่ได้มีผลดีเฉพาะกับอัลวิมาร์และผู้รับงานขับรถในสังกัดอูบราที่มีเงินเข้ากระเป๋าเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณภาพชีวิตของคนชายขอบอย่างชุมชนบราซิแลนเดียดีขึ้นด้วยอย่างน้อยๆ ก็เรื่องหนึ่ง
ส่วนชาวไทยแลนด์แดนสยามเมืองยิ้ม..คงต้องทนกันต่อไปกับปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ซึ่งฟังแล้วก็น่าเห็นใจทั้งสองฝ่าย ผู้โดยสารเองเจอปฏิเสธสักหลายๆ คันก็หงุดหงิดหัวเสีย แต่คนขับแท็กซี่เองก็เคยมีผลการศึกษาพบโครงสร้างค่าโดยสารไม่สอดคล้องกับต้นทุนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจริงๆ จึงต้องเอาตัวรอดด้วยการเลือกวิ่งเฉพาะเส้นทางที่คุ้มค่าที่สุด ฉะนั้นก็ต้องขอให้เจ้าภาพอย่างกรมการขนส่งทางบกเร่งหาทางออกที่ทั้ง 2 ฝ่ายรับได้โดยเร็ว!!!
ขอบคุณเรื่องจาก : https://www.theguardian.com/cities/2018/sep/11/ubra-sao-paulo-taxi-firm-uber-brasilandia-ride-hailing
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี