คึกคัก! นักท่องเที่ยวแห่เซลฟี่และเที่ยวชมสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ สมัย ร.5 หลังปรากฎเป็นข่าวดังถึงเรื่องการพบระเบิดและหัวรถจักรสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จมอยู่ใต้ตอหม้อสะพานมายาวนานกว่า 73 ปี ที่จะเริ่มมีการเก็บกู้ขึ้นมาเพื่อก่อสร้างรถไฟรางคู่ โดยตั้งเป้า 6 เดือนกู้ขึ้นมาให้ยลโฉม
22 ก.ย. 61 สะพานจุฬาลงกรณ์ สะพานรถไฟที่ทอดข้ามแม่น้ำแม่กลอง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี กลายเป็นจุดแลนค์มาร์คที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างให้ความสนใจเดินทางมาเที่ยวชมและเก็บภาพสถาปัตยกรรมที่งดงามที่มีความเก่าแก่ ทั้งกลางวันและในยามค่ำคืน ในส่วนของโครงสร้างและประวิติศาสตร์ที่มีความสำคัญ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวผ่านสื่อต่างๆ และมีการแชร์ในโลกโซเชียลถึงการพบระเบิดและหัวรถจักรสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ.2488 จมอยู่ใต้ตอม่อของสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ หลังการรถไฟแห่งประเทศไทยจะดำเนินการก่อสร้างรถไฟรางคู่ จำเป็นที่จะต้องเก็บกู้ทั้งวัตถุระเบิดและหัวรถจักรขึ้นมา ซึ่งจะต้องใช้เวลา 5 – 6 เดือนในการเก็บกู้ระเบิดขึ้นมาทั้งหมดจากนั้นจะทำการกู้หัวรถจักรขึ้นมาและส่งมอบให้จังหวัดราชบุรีไว้จัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกาญจนบุรีและราชบุรี ได้นำสื่อมวลชนและกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติมาเที่ยวชมและศึกษาประวัติศาสตร์การก่อสร้างสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์และการทิ้งระเบิดเพื่อทำลายสะพานรถไฟ ก่อนที่จะมีการเก็บกู้วัตถุระเบิดและหัวรถจักรขึ้นมาจากใต้แม่น้ำแม่กลองที่จมอยู่มายาวนานกว่า 73 ปี เพื่อนำหัวรถจักรดังกล่าวมาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชม พร้อมทั้งออกมาเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมและศึกษาถึงประวัติศาสตร์การพบวัตถุระเบิดและหัวรถจักร์ใต้ตอหม้อสะพานรถไฟจุฬาลงการณ์
นายวิศรุต อินแหยม ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานกาญจนบุรีและราชบุรี กล่าวว่า สะพานจุฬาลงกรณ์ เป็นสะพานรถไฟทอดข้ามลำน้ำแม่กลองที่สร้างขึ้นจากพระราชดำรัสของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้มีกิจการรถไฟ เฉพาะสำหรับสายใต้ได้เชื่อมถนนรถไฟจากสถานีรถไฟบางกอกน้อยไปถึงสถานีรถไฟเพชรบุรี ทรงโปรดเกล้าฯให้มีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองสำหรับทั้งรถยนต์ และรถไฟ และทรงเสด็จเปิดพร้อมพระราชทานนาม "สะพานจุฬาลงกรณ์" เมื่อปี พ.ศ.2444 หรือ ร.ศ.120 จนสะพานทิ้งระเบิดพังเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ปัจจุบันสะพานจุฬาลงกรณ์ เป็นสะพานรถไฟ ทอดข้ามลำน้ำแม่กลอง ควบคู่กับสะพานธนะรัตน์อันเป็นสะพานสำหรับรถยนต์ เชื่อมตัวเมืองราชบุรี ผ่านศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สู่ถนนเพชรเกษม ที่จะออกสู่กรุงเทพฯ หรือล่องใต้ต่อไป
เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 แถบเอเชียก็เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา เช้าวันที่ 8 เดือนธันวาคม พ.ศ.2484 กองทัพญี่ปุ่นอันเป็นฝ่ายอักษะ ได้ยกพลขึ้นบกที่ฝั่งทะเล จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อใช้ไทยเป็นทางผ่าน เข้ายึดประเทศพม่า ซึ่งขณะนั้นเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ฝ่ายสัมพันธมิตร ศัตรูของญี่ปุ่น โดยที่กองทัพญี่ปุ่นได้เคลื่อนพลจากนครศรีธรรมราช ผ่านสุราษฎร์ธานี – ชุมพร – ประจวบคีรีขันธ์ – เพชรบุรี - ราชบุรี สู่กาญจนบุรี ซึ่งที่กาญจนบุรี กองทัพญี่ปุ่นต้องเกณฑ์เชลยศึกมาสร้างสะพาน เพื่อยกพลทางรถไฟเข้าสู่พม่า เกิดตำนาน "สะพานข้ามแม่น้ำแคว" มีเชลยศึกล้มตาย จำนวนมาก
นายวิศรุต กล่าวอีกด้วยว่า ในครั้งนั้นทหารญี่ปุ่นให้ทางชาวไทยไปหาท่อนซุงหรือ ต้นไม้มาทำเสาตอหม้อ โดยชาวไทยได้นำไม้นิ้ว หรือ ไม่นุ่น ขนาดใหญ่มาให้ทางญี่ปุ่น ซึ่งเห็นว่าเป็นไม้ท่อนใหญ่จึงให้นำไปเสาตอม่อสะพาน โดนไม้นิ้ว หรือ ไม้นุ่น เป็นไม้ที่เปาะและหักโค่นง่าย ส่วนที่พื้นสะพานและราวสะพานทางญี่ปุ่นได้เลือกใช้ไม้สักทองเพราะคิดว่าเป็นไม้เนื้อแข็ง จนสามารถสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแม่กลองได้สำเร็จเรียบร้อย ญี่ปุ่นจึงนำหัวรถจักรของ รฟท. มาลองวิ่งทดสอบดู เริ่มต้นตั้งแต่หัวสะพานฝั่งด้านเมืองราชบุรี ขาล่องใต้ วิ่งข้ามไปยังฝั่งค่ายบูรฉัตร ขาเข้ากรุงเทพฯ การวิ่งบนสะพานรถไฟชั่วคราวผ่านไปได้ด้วยดี จากนั้นได้ทดลองวิ่งถอยหลังกลับมาทางฝั่งเมืองราชบุรี ปรากฏว่า ตอม่อชั่วคราวไม่สามารถทานน้ำหนักได้เนื่องจากเป็นไม้ที่เบาะหักง่าย สะพานจึงหัก ส่งผลให้หัวรถจักรที่นำมาทดลองวิ่งจมลงสู่ใต้น้ำบริเวณใต้สะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ ที่ปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐานจนถึงปัจจุบัน ทำให้หทารญี่ปุ่นไม่สามารถใช้เส้นทางสู่ทางภาคใต้
นายสายัณห์ ศรีสมุทรนาค อดีตข้าราชการทหาร สังกัดกรมยุทธโยธาทหารบกชาวราชบุรี เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันตนอยู่ในเขตพื้นที่ของสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์นี้มานานมากแล้ว ได้ข่าวจากปู่ย่าตายายที่เล่าให้ฟังว่าตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มีระเบิดสะพานและหัวรถจักรตกลงไป ตอนที่ตนนั่งเรือมาเรียนที่ในเมืองก็จะนั่งเรือผ่านตอนที่น้ำแห้งก็จะเห็นหัวรถจักรโผล่ขึ้นมาจากน้ำตอนนั้นมีความตื่นเต้นเพราะสมัยนั้นยังเด็ก และยังบอกว่ามีระเบิดใต้สะพานด้วยทำให้มีการแตกตื่นเกิดความกลัว ซึ่งสมัยนั้นมีเรือดูดทรายวิ่งผ่านและมาจอดลงไปงมภายในน้ำกันก็ไม่เห็นจะมีอันตรายใดๆ และตอนที่มีการสร้างสะพานธนรัตน์ซึ่งสร้างขึ้นมาคู่กับสะพานจุฬาลงกรณ์ เมื่อปี 2504 หลังจากที่เกิดระเบิดสะพานเดิมไปแล้วและต้องมีการปักเข็มก็เกิดแรงสั่นสะเทือนและก็ไม่ไปส่งผลกระทบใดๆ ต่อระเบิด
สะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์จึงนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกหนึ่งแห่งของจังหวัดราชบุรี การเดินทางสะดวกและมีมุมสำหรับเซลฟี่ และเชคอินที่หลากหลาย โดยเฉพาะในเวลากลางวันจะมีรถไฟวิ่งผ่านตามช่างเวลา ส่วนในยามค่ำคืนได้มีการประดับไฟแอลอีดีไว้อย่างสวยงาม ซึ่งจะมีการสลับสีตามช่วงเวลาที่รถไฟวิ่งผ่าน และเมื่อแสงสะท้อนกับผิวน้ำในแม่น้ำแม่กลองจะได้ภาพที่สวยงาม
นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงยังมีพิพิธภัณฑ์ทหารช่าง ซึ่งอยู่ติดกับศาลหลักเมืองจังหวัดราชบุรี และกำแพงเมืองเก่า ที่มีการนำหัวรถจักรของ ร.ฟ.ท.หมายเลข 756 มาจัดแสดงพร้อมด้วยตู้โบกี้รถไฟอีกจำนวน 2 ตู้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้ไปศึกษาและถ่ายภาพอีกด้วย ส่วนที่บริเวณใต้สะพานทีร้านค้า ร้านอาหารริมทางไว้บริการนักท่องเที่ยวได้แวะรับประทาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี