จากความก้าวหน้าการวิจัย ของ ศ.ดร.ธีระ เอกสมทราเมษฐ์ ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หัวหน้าโครงการ “การบริหารจัดการเชื้อพันธุกรรมปาล์มน้ำมัน เพื่อการผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมเทเนอราเชิงพาณิชย์” เกี่ยวกับข้อมูลด้านการผลิตและการใช้ประโยชน์ปาล์มน้ำมัน ทั้งเชิงการบริโภคครัวเรือนและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง รวมถึงไบโอดีเซลซึ่งมีมูลค่าปีละกว่า 50,000 ล้านบาท และเป็นอาชีพของเกษตรกรมากกว่า 1 แสนครอบครัวทั่วประเทศ ซึ่งนักวิจัยได้ทำการคัดเลือก ผสมพันธุ์ และทดสอบศักยภาพการตอบสนองของพันธุ์ลูกผสมเทเนอราพันธ์ทรัพย์ ม.อ.1 ในสภาพแวดล้อมต่างๆ
รศ.ดร.จันทร์จรัส เรี่ยวเดชะ รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ด้านการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายเกษตร กล่าวว่า จากการทดสอบนักวิจัยได้ใช้จุดเด่นของพันธุ์ดูราที่ดีที่สุดผสมกับพิสิเฟอรา แล้วทำการปรับปรุงพันธุ์จนได้พันธุ์ลูกผสมเทอเนอรา ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ กะลาบาง ทนแล้งได้ดี และให้เปอร์เซนต์น้ำมันสูง ขณะนี้ได้เริ่มจำหน่ายต้นกล้าที่ผ่านการทดสอบให้แก่เกษตรกรในราคาต้นละ 120 บาท โดยผลการทดสอบในแปลงเกษตรกรจะเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 3 ด้วยอัตราเฉลี่ย 2.123 ตัน/ไร่/ปี ซึ่งสูงกว่าพันธุ์การค้า 8 สายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1.926 ตัน/ไร่/ปี คาดว่าผลผลิตจะอยู่ที่ 4 ตัน/ไร่/ปี ที่อายุ 5 ปี ถึง 6 ตัน/ไร่/ปีเมื่ออายุ 8 ปี รวมทั้งยังได้มีการพัฒนาชุดทดสอบสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันอย่างง่ายที่สามารถจำแนกสายพันธุ์ และยืนยันความสัมพันธ์ผลผลิตปริมาณน้ำมันได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา
ศ.ดร.ธีระ เอกสมทราเมษฐ์
รศ.ดร.จันทร์จรัส กล่าวอีกว่า สกว.ต้องการสนับสนุนการวิจัยชุดนี้เนื่องจากมีความจำเพาะบนฐานความรู้ ฐานพันธุกรรมปาล์มน้ำมันเทเนอรา และความเข้มแข็งของวิชาการทั้ง 3 ด้าน คือ การปรับปรุงพันธุ์ การขยายพันธุ์ และการใช้ลายพิมพ์ดีเอ็นเอในการรับรองต้นพันธุ์ที่สามารถให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง จากผลสำเร็จของงานวิจัยนี้สามารถยื่นขอจดทะเบียนต้นพ่อแม่พันธุ์ปาล์มน้ำมันเพื่อผลิตพันธุ์ทรัพย์ม.อ 1 จากกรมวิชาการเกษตร จนได้หนังสือรับรองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ปาล์มน้ำมันเป็นพืชยืนต้นที่ใช้เวลานานถึง 4 ปีกว่าจึงจะเริ่มให้ผลผลิต และใช้เวลาในการพัฒนาของทะลายอีก 1 ปี รวมทั้งสิ้น 5 ปี ซึ่งทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีต้นพันธุ์และแปลงที่เก็บข้อมูลต่อเนื่องมากว่า 20 ปี มีกระบวนการคัดเลือกปรับปรุงพันธุ์และทดสอบพันธุ์ในสภาพแวดล้อมการผลิต 4 แห่ง เพื่อให้เกษตรกรมั่นใจว่าเมล็ดพันธุ์และต้นกล้ามีผลผลิตสูง สามารถปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อมโดยเฉพาะการทนแล้งที่มีปริมาณน้ำฝนน้อยกว่า 1,500 มิลลิเมตร/ปี
อย่างไรก็ตาม ผู้ทรงคุณวุฒิที่ร่วมรับฟังการนำเสนอผลงานในครั้งนี้ ได้แนะนำให้นักวิจัยนำพันธุ์ไปทดสอบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีสภาพภูมิอากาศแตกต่างและมีการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จัดตั้งหน่วยบริการเชิงพาณิชย์เพื่อบริหารงานการตลาดและดูแลงานส่วนนี้โดยตรง หรือจัดตั้งคณะทำงานความร่วมมือกับภาคเอกชนให้มีการบริหารจัดการด้านการตลาดและกำหนดราคาที่สมเหตุสมผล ขณะที่มหาวิทยาลัยก็ให้บริการสังคมโดยให้การสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการผลิต การจัดการในแปลง และคำแนะนำการใช้พันธุ์ที่ถูกต้องเหมาะสมแก่เกษตรกรอีกด้วย
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายวิจัยและบริการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โทรศัพท์ 074 -212849, 074 -286219 E- mail: wandee.su@psu.ac.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี