ผมเขียนเรียกร้องต่อข้าราชการโดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ในโอกาสวันข้าราชการไทย 1 เมษายนที่ผ่านมาว่า ถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ เพื่อยังประโยชน์สูงสุดให้ประเทศชาติส่วนรวม ให้สมกับเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้เลิกรับใช้ เลิกเป็นขี้ข้านักการเมือง ขี้ข้าระบอบทักษิณที่เข้ามาสร้างแต่ความเลวร้ายต่อภาคเกษตรไทย ดังตัวอย่างชัดๆจากการผลาญชาติมโหฬารที่สุดของโครงการจำนำข้าว ที่ทำความเสียหายร้ายแรงให้ข้าวไทยในทุกด้าน
พอดีมีแฟน”แนวหน้า”ใช้ชื่อ”กะปิ”เขียนจดหมายมาถึงบรรณาธิการว่าด้วยเรื่อง”ความจำเป็นที่จะต้องทำให้ระบบราชการไม่เป็นขี้ข้านักการเมือง”และเน้นหนักถึงกระทรวงเกษตรฯ จึงขอที่จะนำมาลงคอลัมน์”ส่องเกษตร” ถือเป็นความเห็นต่อเนื่องจากที่ผมเขียนไปก็แล้วกัน แต่ขออนุญาตที่จะตัดทอนให้พอดีกับเนื้อที่เท่าที่มีอยู่
........................................................................
ความจำเป็นที่จะต้องทำให้ระบบราชการไม่เป็นขี้ข้านักการเมือง
ระบบราชการของประเทศไทย เสียหายแทบไม่สามารถซ่อมแซมได้แล้ว ผมจะไม่วิพากษ์เรื่องซื้อขายตำแหน่งที่หวานคอแร้งผู้มีอำนาจในการขายตำแหน่งต่างๆ การที่รัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองอาศัยอำนาจโยกย้ายแต่งตั้ง อ้างแต่เพื่อสนองนโยบายรัฐบาล เช่น กรณีย้ายคุณถวิล เปลี่ยนศรีนั้น เป็นการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นอำนาจเพื่อตัวเอง เนื่องจากนโยบายฝ่ายการเมืองที่ใช้หลอกประชาชนนั้น ทำให้เกิดผลเสียกับประเทศชาติมากกว่าผลดี นอกจากนั้นการโยกย้ายข้าราชการก็มีผลประโยชน์แอบแฝง คือสามารถสั่งให้ผู้ที่ได้รับตำแหน่ง ทำตามคำสั่งทั้งที่ผิดกฎหมาย เช่นกรณีข้าราชการกรมสรรพากรที่ไม่เรียกเก็บภาษีตระกูลชิน
“นโยบาย”ของพรรคการเมืองกับนโยบายของชาติ อะไรสำคัญกว่ากัน เชื่อว่า ทุกคนที่เป็นขี้ข้าแผ่นดินต้องตอบว่า”นโยบายของประเทศ” แต่หลายสิบปีที่ผ่านไปภายใต้การบริหารราชการแบบรัฐบาลเป็นเจ้า ข้าราชการเป็นขี้ข้า สร้างความเสียหายกับประเทศนี้มากมาย เสาโฮปเวลล์,บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านและอีกหลายร้อยแห่งที่ประจานนโยบายการเมือง ผมขอวิพากษ์เฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งทุกวันนี้แม้แต่ชื่อกระทรวงยังแทบจะต้องเปลี่ยนเพราะคำว่า”สหกรณ์”กลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยสำหรับกระทรวงนี้ นโยบายทุนนิยมสามานย์ทำให้“สหกรณ์”สูญพันธ์ไปแล้ว ถูกแทนที่ด้วยบริษัทยักษ์ใหญ่การเกษตร ไม่ว่าใช้ชื่อฝรั่งมังค่าเช่น“มอญซาอีโต้”ทำธุรกิจเกษตรผีดิบ หวังผูกขาดโซ่อาหารประเทศ ทุกวันนี้มะละกอเป็นผีดิบ,ข้าวก็กำลังจะเป็น,ปลานิลที่สมเด็จพระจักรพรรดิ์พระราชทานให้ในหลวง ซึ่งในหลวงก็พระราชทานให้เป็นของประชาชนทั้งประเทศ แต่ทุกวันนี้ปลานิลแหล่งโปรตีนสำคัญกลายเป็นผีดิบ กลายเป็นสิทธิบัตรของนายทุนไปแล้ว
สหกรณ์ที่เป็นหัวใจของชุมชนถูกนายทุนสามานย์ทำลายย่อยยับ เพราะตาอยู่(พ่อค้าคนกลาง)ที่เป็นเสือนอนกิน มีอิทธิพลในกระทรวงเกษตรฯ ชี้นกเป็นไม้ ชี้ไม้เป็นนก ทั้งใช้คำสั่งรัฐมนตรีบังคับให้ทำตามนโยบายชั่วร้ายทำลายชาติ เอาเศษอาหารทิ้งให้ข้าราชการ(ทุนวิจัย,ทุนศึกษาต่อ)เพื่อให้เป็นทาสในเรือนเบี้ยของระบบทุนสามานย์ ในหลวงทุ่มเทช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศ สหกรณ์เป็นเรื่องสำคัญที่ทรงปูรากฐานไว้ช่วยเกษตรกร แต่นักการเมืองสามานย์ร่วมมือกับนักธุรกิจที่ต้องการควบคุมโซ่อาหารของคนไทย ช่วยกันทำลายจนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กลายเป็น“กระทรวงเกษตรผีดิบ”ไปแล้ว
หลักการสภาชาวนาและเกษตรกรที่หลวงปู่พุทธะอิสระกำลังเร่งให้เป็นรูปเป็นร่าง มีผลทางกฎหมาย ก็มีพื้นฐานมาจากโครงการในพระราชดำริทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องสหกรณ์ เพราะระบบสหกรณ์เป็นหัวใจ เป็นมือเป็นเท้าของการเกษตร ถ้าผลิตได้ แต่ขายไม่ได้ อำนาจก็อยู่ในมือพ่อค้าคนกลางสามารถกำหนดราคาตามใจชอบ ที่สุดก็กลายเป็นเครื่องมือนักการเมืองโฉดชั่วสามานย์ เช่น ไอ้ไข่เน่าตัวนั้น ที่ใช้โครงการจำนำข้าวเพื่อควบคุมชาวนา ซึ่งเป็นนโยบายสุดชั่วช้าสารเลว นอกจากทำลายชาวนา ยังทำลายระบบค้าข้าว ทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาส สูญเสียตลาดข้าว จนไม่สามารถกู้กับคืนได้ดังเดิม
เฉพาะนโยบายกระทรวงเกษตรแอนด์ผีดิบ กระทรวงเดียวยังทำความเสียหายต่อประเทศมาก ดังนั้นถ้าต้องการให้ชาติอยู่รอด นโยบายของชาติต้องมาก่อนนโยบายของพรรคการเมือง พรรคการเมืองจะเสนอนโยบายหาเสียงใดๆที่ผลผูกพัน จึงควรต้องผ่านความเห็นชอบของหน่วยงานที่มีหน้าที่พิจารณาเช่น ศาลปกครอง,ธนาคารชาติ,สภาพัฒน์,ศาลรัฐธรรมนูญ,สภาข้าราชการ,สภาประชาชนก่อน
กะปิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี