ความคืบหน้ากรณี นายพิทักษ์ ศุภเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองไทร ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.) บุรีรัมย์ เขต 1 ที่มีชื่อเข้าสอบแข่งขันบรรจุครูผู้ช่วยที่สนามสอบ จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา และถูกตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 24 เมษายน คณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง ได้รวบรวมข้อมูลเอกสารที่ได้ลงพื้นที่สืบหาข้อเท็จจริงที่สนามสอบที่ จ.สมุทรสาคร และบันทึกการสอบปากคำนายพิทักษ์ เป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมสรุปผลการสืบหาข้อเท็จจริงส่งให้ผู้อำนวยการ สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยเบื้องต้น พบว่ามีมูลในการกระทำความผิดจริง คือ 1.ไปสมัครสอบบรรจุครูผู้ช่วย โดยไม่ได้ขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ซึ่งมีความผิดไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ 2.ปกปิดบังสถานะตัวเองในการสมัครสอบ ทั้งที่ตัวเองเป็นข้าราชการครู มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน และ 3.เปิดเป็นติวเตอร์ ซึ่งเป็นการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ที่ห้ามข้าราชการครูและผู้บริหารสถานศึกษาเปิดติวข้อสอบ
ขณะที่การให้ปากคำของนายพิทักษ์ ที่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยนั้น เบื้องต้นนายพิทักษ์ ยังให้การปฏิเสธ ไม่ได้มีเจตนา หรือเกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบ เพียงต้องการหาความรู้และดูแนวข้อสอบมาประกอบการติวข้อสอบให้กับลูกศิษย์ และลูกหลานเท่านั้น
นายสุพจน์ เจียมใจ ผู้อำนวยการ สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 กล่าวว่า กล่าวว่า เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบเอาผิดวินัย กับนายพิทักษ์หลังคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่ามีมูลกระทำความผิดใน 3 กระทงดังกล่าว ส่วนจะผิดเกี่ยวกับวินัยอะไรบ้าง เป็นความผิดร้ายแรงหรือไม่ ต้องมีการสอบสวนต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลหลักฐานที่เชื่อมโยงได้ว่านายพิทักษ์มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบบรรจุครูผู้ช่วยแต่อย่างใด
ทางด้าน นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยว่า ตนได้ลงนามในหนังสือแจ้งไปยัง สพป.บุรีรัมย์ เขต 1,4 และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 จ.บุรีรัมย์ยุติการดำเนินการสืบข้อเท็จจริงไว้ก่อน เนื่องจากปัญหาการสอบครูผู้ช่วยคาบเกี่ยวหลายเขตพื้นที่ ดังนั้น เมื่อสพฐ.ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาแล้วจึงต้องเป็นหน้าที่ของ สพฐ.ที่จะดำเนินการเอง สำหรับข้อมูลที่คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงที่เขตพื้นที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ก็ให้ส่งมาให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง สพฐ.เพื่อนำมาใช้ดำเนินการสืบสวนต่อไป
ทางด้านสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ซึ่งกำกับดูแลเกี่ยวกับความประพฤติและจรรยาบรรณต่อวิชาชีพครู ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเกี่ยวกับจรรยาบรรณ และเกี่ยวกับวิชาชีพครูของนายพิทักษ์ แล้วด้วย ส่วนจะมีบทลงโทษหนักเบาแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนของคณะกรรมการฯ ซึ่งโทษเบาสุดแค่ว่ากล่าวตักเตือน หรือภาคฑัณท์ แต่หากมีมูลว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หรือกระทำการทุจริต อาจมีโทษถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และดำเนินการเอาผิดตามกฏหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี