ปรีชา โหนแหยม
จังหวัดจันทบุรีเป็น 1 ใน 6 จังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ได้รับการพัฒนาเป็นเมืองเกษตรสีเขียว (Green Agriculture City)
นายปรีชา โหนแหยม ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินจันทบุรี สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 2 กรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า โครงการเมืองเกษตรสีเขียวเป็นโครงการสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในลำดับต้นๆ ที่ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ โดยจังหวัดจันทบุรี เป็น 1 ใน 6 จังหวัดเป้าหมายของโครงการที่เน้นไปในเรื่องของผลไม้เมืองร้อนและการเลี้ยงกุ้ง เพื่อเป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตรที่ดีและเหมาะสม รวมทั้งกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนมีความมั่นคงทางอาหารเป็นฐานการสร้างรายได้ให้กับประเทศ
ซึ่งมีเป้าหมายหลักสำคัญ 3 ประการคือ 1.การพัฒนาพื้นที่ ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยจากมลพิษ มีสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย สามารถพัฒนาเป็นแหล่งศึกษาดูงานและท่องเที่ยวเชิงเกษตร 2.การพัฒนาสินค้าในระดับต้นน้ำให้มีการผลิตตามหลัก GAP ลดการปล่อยของเสียสู่สิ่งแวดล้อม และนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการพัฒนาคุณภาพสินค้าและลดต้นทุนจากการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ 3.การพัฒนาคนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความรู้สามารถผลิตตามมาตรฐานความปลอดภัยจากสารเคมี สินค้าเกษตรมีมูลค่าสูงขึ้น มีการจัดตั้งศูนย์รวบรวมและกระจายผลผลิต มีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการวางแผนบริหารจัดการรองรับการผลิตโดยมีตลาดสีเขียว อย่าง Q Shop หรือ Q restaurant เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่มากขึ้น
สถานีพัฒนาที่ดินจันทบุรีได้รับมอบหมายจากกรมพัฒนาที่ดิน ให้เป็นผู้ดำเนินการขับเคลื่อนเมืองเกษตรสีเขียวจังหวัดจันทบุรีด้านการพัฒนาที่ดิน ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2557-2561 มีเกษตรกรเป้าหมายจำนวน 2,200 ราย โดยในปีแรกจะดำเนินการในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอท่าใหม่ ขลุง นายายอาม เมือง และแหลมสิงห์ส่วนปีต่อไปก็จะขยายผลให้ครอบคลุมทั้ง 10 อำเภอของจังหวัดจันทบุรี
สำหรับกิจกรรมที่สถานีพัฒนาที่ดินจันทบุรีดำเนินการนั้น แบ่งออกเป็น4 กิจกรรมหลัก ประกอบด้วย 1.การถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการพัฒนาที่ดิน เป็นกิจกรรมจัดฝึกอบรมและถ่ายทอดนวัตกรรมด้านการพัฒนาที่ดินให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ โดยมุ่งเน้นให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการเมืองเกษตรสีเขียวและการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนปุ๋ยเคมี 2.ส่งเสริมการปรับปรุงบำรุงดินในสวนของเกษตรกร เพื่อให้ดินมีความเหมาะสมต่อการเพาะปลูกไม้ผลแต่ละชนิดด้วยการใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงที่ผลิตขึ้นใช้เอง วัสดุปรับปรุงดินกรดอย่างปูนโดโลไมท์ ร่วมกับการปลูกปุ๋ยพืชสดเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน เป็นต้น
กิจกรรมที่ 3 ส่งเสริมการเก็บวิเคราะห์ตัวอย่างดิน ซึ่งแนะนำให้เกษตรกรเก็บตัวอย่างดินก่อนจะมีการปรับปรุงดินในพื้นที่มาวิเคราะห์เพื่อหาค่าการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม และให้สอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งหลังจากทำการปรับปรุงดินตามคำแนะนำของกรมพัฒนาที่ดินแล้วก็จะให้นำตัวอย่างดินมาวิเคราะห์อีกครั้งเพื่อดูความแตกต่าง กิจกรรมที่ 4 ติดตามผลการดำเนินงาน ทั้งในเรื่องของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนปุ๋ยเคมีมีมากน้อยเพียงไร ดินดีขึ้นหรือไม่ เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินไปอย่างไรบ้าง เกษตรกรสามารถลดต้นทุนโดยเฉพาะค่าปุ๋ยเคมีและสารเคมีได้เท่าไร เพื่อนำไปประมวลผลและเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการเมืองเกษตรสีเขียวต่อไป
นายปรีชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่เริ่มการจัดฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านการพัฒนาที่ดินให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมาหลายรุ่น พบว่าเกษตรกรร้อยละ 80 ให้ความสนใจกับโครงการเมืองเกษตรสีเขียวเป็นอย่างดี มีการนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมไปผลิตปุ๋ยใช้เอง มีการปรับปรุงบำรุงดินตามคำแนะนำของกรมพัฒนาที่ดินมากขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าเมื่อเกษตรกรยอมรับแนวทางเมืองเกษตรสีเขียวและนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังจะสามารถพัฒนาการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ ปลอดภัยต่อตัวเกษตรกรและผู้บริโภค ราคาสินค้าก็จะดีขึ้น เกษตรกรก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามไปด้วย ที่สำคัญจะสร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดจันทบุรีในฐานะเป็นแหล่งผลิตผลไม้เมืองร้อนที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี