ภาคตะวันออกของไทย ถือเป็นแหล่งผลิตไม้ผล ที่สร้างชื่อให้ประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ทุเรียน เงาะ มังคุด และลองกอง โดยในแต่ละปีจะมีผลผลิตออกมาในปริมาณมาก สร้างรายได้ให้เกษตรกรจำนวนมหาศาล แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือการที่ผลผลิตของผลไม้บางชนิดกระจุกตัวอยู่ในช่วงเดียวในปริมาณมาก ระบายสู่ตลาดไม่ทันส่งผลให้ราคาผลผลิตตกต่ำ โดยเฉพาะเงาะและมังคุดซึ่งในแต่ละปีมักจะประสบปัญหาในเรื่องของผลผลิตล้นตลาดและขายได้ในราคาที่ไม่คุ้มต้นทุนการผลิตอยู่เสมอ
ดร.จุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวถึงแนวทางแก้ไขสถานการณ์ผลไม้ภาคตะวันออกในปีนี้ว่า ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ช่วยเหลือสหกรณ์และสมาชิกชาวสวนผลไม้เกือบ 90 แห่งทั่วประเทศ ด้วยการเข้าไปส่งเสริมและพัฒนาระบบการบริหารจัดการธุรกิจการตลาดผลไม้ของสถาบันเกษตรกรอย่างเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตผลไม้ให้ได้คุณภาพ GAP ตามที่ตลาดต้องการ สนับสนุนการจัดหาปัจจัยการผลิต เช่น การจัดหาปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช ตะกร้าใส่ผลไม้ การบรรจุหีบห่อ การเก็บเกี่ยว การคัดแยกเกรดผลไม้ การขนส่ง จนไปถึงขยายช่องทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยได้จัดสรรเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์วงเงิน 220 ล้านบาทให้สหกรณ์กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 เพื่อนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนรวบรวมผลผลิตจากสมาชิกในช่วงที่ผลผลิตออกมาปริมาณมาก
ทั้งนี้ หลังจากที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เข้าไปส่งเสริมสนับสนุนด้านการนำหลักการสหกรณ์เข้าไปใช้ในการบริหารจัดการกลุ่มฯ ทำให้เกษตรกรสามารถสามารถแก้ไขปัญหาด้านการตลาดได้อย่างเป็นระบบ ด้วยการรวมกลุ่มและเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย อีกทั้งมีการควบคุมการผลิตตั้งแต่ในระยะเริ่มปลูกจนถึงระยะเวลาเก็บเกี่ยว พร้อมทั้งมีการรวบรวมผลผลิตและคัดเกรดผลไม้ ทำให้ผลผลิตของสหกรณ์มีคุณภาพผ่านการรับรองมาตรฐาน จนได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก
“กรมฯ มีนโยบายและสนับสนุนให้ทางสหกรณ์ฯ ต่างๆผลิตผลไม้ที่มีคุณภาพ เนื่องจากว่าผลไม้ที่มีคุณภาพนั้นจะทำให้เป็นที่เชื่อมั่นและยอมรับจากผู้บริโภค ช่วยให้สหกรณ์สามารถทำตลาดได้ และสิ่งที่ตลาดและผู้บริโภคต้องการคือผลไม้ที่มีคุณภาพ เช่น ดูสวยงาม ไม่เน่าเสีย รูปลักษณ์ดี เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนั้นกรมฯ ก็ได้สร้างเครือข่ายผลไม้ขึ้น เพื่อให้สหกรณ์ขนาดเล็กรวบรวมผลผลิตแล้วส่งให้สหกรณ์ขนาดใหญ่ทำการคัดเกรดและรวบรวมเพื่อส่งจำหน่ายยังตลาด เช่น เครือข่ายสหกรณ์ในจังหวัดต่าง ๆ ห้างโมเดรินเทรด หรือผู้ส่งออกต่อไป เพื่อเป็นการพึ่งพาอาศัยกันระหว่างขบวนการสหกรณ์ ซึ่งการส่งเสริมให้แต่ละสหกรณ์ นำระบบสหกรณ์มาบริหารจัดการและแก้ปัญหา พิสูจน์ให้สมาชิกเห็นแล้วว่าระบบสหกรณ์ช่วยแก้ปัญหาและสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับสมาชิกได้จริง ซึ่งสหกรณ์การเกษตรทุ่งควายกิน จำกัด เป็นตัวอย่างสหกรณ์ที่มีระบบการบริหารจัดการผลไม้ได้ประสบผลสำเร็จอีกแห่งหนึ่งของภาคตะวันออก” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
ด้าน นางสาวปิยะนันท์ ประกอบกิจ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรทุ่งควายกิน จำกัด อำเภอแกลง จังหวัดระยอง กล่าวว่า เมื่อก่อนตนเองซึ่งประกอบอาชีพทำสวนผลไม้ซึ่งเป็นอาชีพที่ทำมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย แต่มาระยะหลังๆต้องประสบปัญหาในเรื่องการผลิตผลไม้ โดยก่อนที่จะมีการรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นสหกรณ์การเกษตรทุ่งควายกิน จำกัด นั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ในพื้นที่เขตอำเภอแกลง จังหวัดระยอง จะประกอบอาชีพทำสวนผลไม้ท้องถิ่น อาทิ มังคุด เงาะ ทุเรียน สละและลองกอง ประสบกับปัญหาเรื่องมาตรฐานการผลิต และการตลาด ผลผลิตราคาตกต่ำ ด้วยภาวะปัจจัยความต้องทางการตลาด ไม่สอดคล้องกับคุณภาพและปริมาณผลผลิตของเกษตรกร แต่หลังการก่อตั้งสหกรณ์ฯ ได้ประมาณ 5 ปี ด้วยการนำหลักการสหกรณ์เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการ ส่งผลให้ปัจจุบันนี้ สหกรณ์ฯสามารถวางแผนการผลิต จนได้ผลผลิตที่มีคุณภาพได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภค นอกจากนี้ยังสามารถบริหารจัดการด้านการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิก ทำให้สหกรณ์ฯมีความมั่นคง สมาชิกมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันสหกรณ์ทุ่งควายกิน มีสมาชิกจำนวน 200 คน ทั้งนี้สหกรณ์ฯจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรับซื้อผลผลิตของสมาชิก รวมถึงเครือข่ายสหกรณ์ในจังหวัดระยองและพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อส่งจำหน่ายไปยังกลุ่มผู้บริโภค ทั้งในและต่างประเทศ เฉลี่ยปริมาณผลผลิต 600 – 800 ตัน ต่อปี ซึ่งตลาดใหญ่ภายในประเทศจะเป็นเครือข่ายสหกรณ์ทั่วประเทศที่รับซื้อผลผลิตไปจำหน่ายต่อ และมีการคัดเกรดมังคุดเพื่อส่งให้ผู้ส่งออกส่งจำหน่ายไปยังประเทศเวียดนามและสาธารณรัฐประชาชนจีน ปริมาณเฉลี่ย 200 ตันต่อปี
“การรวมตัวจัดตั้งเป็นสหกรณ์การเกษตรทุ่งควายกิน จำกัด ส่งผลให้ปัจจุบันสมาชิกสหกรณ์และเครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่สามารถมีรายได้ที่มั่นคงในการจำหน่ายผลผลิต มังคุด เงาะ ทุเรียน ไม่ต้องประสบกับปัญหาผลไม้ราคาตกต่ำ เนื่องจากระบบสหกรณ์สามารถบริหารจัดการให้มีการวางแผนการผลิตให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและทราบถึงปริมาณผลผลิตในแต่ละช่วงของฤดูการเก็บเกี่ยว จึงส่งผลให้สามารถวางแผนในการระบายสินค้าสู่ผู้บริโภคได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันผลผลิตจะถูกนำมาคัดเกรดในการตั้งราคาจำหน่าย โดยสหกรณ์ฯ จะรับซื้อผลผลิตที่มีคุณภาพตามมาตรฐานรับรองคุณภาพกับคู่ค้า เพื่อให้ผลผลิตทุกขนาดจำหน่ายได้ทั้งหมด แก้ไขปัญหาให้สมาชิกและเครือข่ายสหกรณ์ในพื้นที่ ไม่ต้องนำผลผลิตตกเกรดไปจำหน่ายเองในราคาขาดทุน และไม่ต้องประสบกับปัญหาการถูกกดราคาในช่วงผลผลิตล้นตลาด” นางสาวปิยะนันท์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี