“ขบวนการสหกรณ์” นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากเป็นสถาบันทางเศรษฐกิจและสังคมที่ช่วยแก้ไขปัญหาในการประกอบอาชีพ ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น เป็นแหล่งทุน แหล่งความรู้ แหล่งอาชีพและรายได้ของคนมากกว่า 11.34 ล้านคนทั่วประเทศ จากรายงานข้อมูลภาวะเศรษฐกิจสหกรณ์ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์เมื่อปี 2554 ระบุจากจำนวนตัวเลขสหกรณ์ทั่วประเทศ 10,000 กว่าพันแห่ง มีทุนดำเนินการไม่ต่ำกว่า 1.54 ล้านล้านบาท สร้างมูลธุรกิจได้รวมกว่า 1.71 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14.77 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ(GDP) ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของขบวนการสหกรณ์ของไทยที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ สังคมและความเป็นอยู่ของคนไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้
นายจุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมสหกรณ์หรือนักสหกรณ์ กรรมการสหกรณ์ จึงนับเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาขบวนการสหกรณ์ไทยให้มีความเข้มแข็งเป็นที่พึ่งพาของเกษตรกร ประชาชนและสมาชิกทั้งปัจจุบันและอนาคต เนื่องจากเป็นบุคคลที่คอยเป็นพี่เลี้ยงชี้แนะแนวทางของสหกรณ์ในการดำเนินธุรกิจและกิจกรรมให้ถูกต้องตามหลักการสหกรณ์ นำมาสู่ความแข็งแกร่งของขบวนการสหกรณ์ไทยทั้งระบบ ควบคู่กับการเพิ่มขีดความสามารถการบริหารจัดการสหกรณ์สู่สากล
ดั้งนั้น เพื่อเป็นการบ่มเพาะบุคคลากรสหกรณ์เป็นทายาทที่ดีของสหกรณ์ในอนาคต กรมส่งเสริมสหกรณ์อยู่ระหว่างร่างหลักสูตรสร้างและพัฒนาบุคคลากรของขบวนการสหกรณ์ หรือโครงการทายาทสหกรณ์ขึ้น เพื่อเตรียมสร้างคน รุ่น 2 เตรียมขึ้นสุ่ผู้บริหารสหกรณ์ เป็นกรรมการสหกรณ์ เป็นเจ้าหน้าที่สหกรณ์ หรือสมาชิก ทดแทนคนรุ่นเก่า เพื่อให้เป็นสมาชิกชั้นนำต่อไป แม้ปัจจุบันกรมส่งเสริมสหกรณ์จะมีศูนย์การเรียนรู้อย่างยั่งยืนที่มีหน้าที่ในการพัฒนาบุคลากรอยู่แล้วแต่คิดว่ายังคงไม่เพียงพอต่อภาวะขาดแคลนนักสหกรณ์ในขณะนี้ โดยหลักสูตรดังกล่าวจะเทียบเท่าหลักสูตรสถาบันกรรมการสหกรณ์ที่กรมเคยดำเนินการในอดีต โดยคาดปีแรกจะนำร่อง 4 รุ่นๆละ 50 คนมีค่าใช้จ่ายคนละ 34,000 บาท ในเบื้องต้นกรมส่งเสริมสหกรณ์จะให้การสนับสนุนคนละ 17,000 บาทส่วนอีก 20,000 บาทให้สหกรณ์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง
“เป้าหมายของหลักสูตร ต้องการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพบุคลากรสหกรณ์ให้มีความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการองค์กรและธุรกิจ รวมทั้งเข้าใจหลักการและวิธีการสหกรณ์เป็นนักบริหาร เป็นนักประสานงานและมีวิสัยทัศน์กว้างไกลในอนาคต รวมทั้งต้องการให้กรรมการสหกรณ์ที่เข้ามาเรียนได้นำความรู้ไปพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารสหกรณ์ให้มีความเจริญเติบโต สร้างสหกรณ์ให้มีความแข็งแกร่ง พึ่งตนเองได้และปลอดจากปัญหาทุจริต
สำหรับแนวทางในการดำเนินงานนั้น นายจุมพล กล่าวว่าอาจจะมีการทำMOU กับสถานบันการศึกษา หรือจัดอบรมหลักสูตรระยะสั้นขึ้นมาโดยสำนักงานพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ของกรมเองร่วมกับสหกรณ์ต่างๆ โดยการปรับหลักสูตรบางส่วนมาจากสถาบันพัฒนากรรมการสหกรณ์ คือจะเน้นให้การศึกษาอบรมแบบค่ายสหกรณ์ โดยให้บุคคลเป้าหมายเข้าอบรมหลักสูตรรุ่นละ 50 คนใช้ระยะเวลาอบรม 30 วัน
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวถือว่าเป็นการต่อยอดสถาบันพัฒนากรรมการสหกรณ์ในอดีต ซึ่งกรมฯได้จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ การบริการเกี่ยวกับการพัฒนากรรมการสหกรณ์ทั่วประเทศให้เป็นผู้นำมืออาชีพผ่านการถ่ายทอดความรู้ระยะสั้นๆ ด้วยตระหนักว่าสหกรณ์ที่ไม่เข้มแข็งและล้มเหลว สาเหตุหนึ่งมาจากคณะกรรมการสหกรณ์ไม่มีศักยภาพ การบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงต้องเร่งพัฒนาผู้นำสหกรณ์ให้เป็นมืออาชีพเพื่อเป็นกลไกนำพาสหกรณ์ไปสู่เป้าหมายและสามารถพึ่งพาตนได้”
สำหรับ เนื้อหาวิชาในการปั้นทายาทสหกรณ์ เราจะแบ่งเป็นหมวดๆ อาทิ หมวดจิตสำนึกสหกรณ์ เริ่มตั้งแต่การหลักธรรมาภิบาล การปลูกฝังเกี่ยวกับ อุดมการณ์ หลักการ วิธีการและคุณค่า ไปจนถึงสิทธิ หน้าที่ของสมาชิกสหกรณ์ บทบาทของคณะกรรมการสหกรณ์ การเรียนรู้ แนวคิด ทักษะ ความเข้าใจ วิถีชีวิตแบบสหกรณ์และที่สำคัญสุดไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือการทำงานเป็นทีม
ส่วนเนื้อหาวิชาต่อมาคือ ว่าด้วยหมวดการดำเนินงานและธุรกิจแบบสหกรณ์ เริ่มตั้งแต่ โครงสร้างการบริหารของสหกรณ์ การดำเนินงานและธุรกิจแบบสหกรณ์ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง การเรียนรู้ทางการเงินและบัญชีของสหกรณ์ การบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ การนำกลยุทธ์ไปสูการปฏิบัติ การศึกษาดูงานสหกรณ์ที่ประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ศึกษางานโครงการตามพระราชดำริจากนั้นก็จะมีการสรุปบทเรียน
กรมส่งเสริมสหกรณ์ มีความมุ่งหวังที่จะให้หลักสูตรดังกล่าว สามารถสร้างทายาทสหกรณ์ที่มีจิตสำนึกความเป็นคนสหกรณ์ขึ้นมา ทดแทนนักสหกรณ์และเจ้าหน้าที่สหกรณ์รุ่นเก่าๆที่ปลดเกษียนหรือลาออกไป ส่วนสมาชิกสหกรณ์ก็ได้นำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาสหกรณ์ของตัวเองให้มีประสิทธิภาพและเป็นสมาชิกสหกรณ์ที่ดีในอนาคต ที่สำคัญยังสามารถนำไปขยายผลโดยใช้เครือข่ายกรรมการสหกรณ์ที่ผ่านการอบรมเทคนิคครั้งนี้ เป็นวิทยากรนำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดให้กรรมการสหกรณ์คนอื่นๆได้อีก เพื่อพัฒนาขบวนการสหกรณ์ไทยไปสู่ความอย่างยั่งยืนนั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี