คำถาม ผมใช้ปุ๋ยทางใบเป็นประจำครับ เลยอยากทราบว่า ปุ๋ยทางใบมีกี่ชนิด มีข้อดีข้อเสียในการใช้อย่างไรบ้าง และแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไรครับ
สันท์นที สุทธิชัย
เขตหนองจอก กทม.
คำตอบ ปุ๋ยทางใบ เป็นปุ๋ยที่เป็นสารละลายแล้ว ฉีดพ่นทางใบ เพื่อให้ธาตุอาหารแก่พืช ใบพืชอยู่ในอากาศ จะมีโอกาสดูดธาตุอาหารได้เฉพาะ จากสารละลายที่มาสัมผัสใบเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ใบจึงได้รับธาตุอาหารตามธรรมชาติจากน้ำฝนและน้ำค้าง การฉีดพ่นปุ๋ยทางใบให้แก่พืช เป็นการช่วยให้พืชได้รับธาตุอาหารได้มากขึ้นและเร็วขึ้น
ชนิดของปุ๋ยทางใบ ปุ๋ยทางใบที่ใช้กันอยู่มี 2 ชนิด คือ ปุ๋ยเกล็ด เป็นปุ๋ยเคมีชนิดแข็งที่มีสภาพเป็นรูปผลึกของสารประกอบ ผลิตจากการนำแม่ปุ๋ยชนิดต่างๆ มาผสมกัน ให้ได้สูตรที่ต้องการ เป็นปุ๋ยที่ละลายน้ำง่าย ส่วนปุ๋ยน้ำหรือปุ๋ยเหลว เป็นปุ๋ยที่ได้จากการละลายแม่ปุ๋ยในน้ำให้ได้สัดส่วนเป็นปุ๋ยสูตรต่างๆ โดยที่แม่ปุ๋ยจะถูกละลายได้ทั้งหมด วิธีใช้ปุ๋ยเพียงแต่นำมาเจือจางด้วยน้ำในอัตราที่พอเหมาะ แล้วนำไปฉีดพ่นพืชได้ทันที
ข้อดีของปุ๋ยทางใบ จะช่วยให้พืชเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากการย้ายปลูกและตั้งตัวได้แล้ว สามารถใช้กับอาการขาดธาตุอาหารในระยะแรกๆ ได้ดี อาจใช้ผสมกับการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดโรคแมลง และควบคุมวัชพืชได้ เป็นการประหยัดแรงงาน หรือจะใช้กับพืชที่ปลูกในดินที่มีปัญหา เช่น ดินเค็ม ดินเปรี้ยวจัด ดินทรายจัด ดินเหนียวจัด หรือดินที่มีปัจจัยแวดล้อมขวางการดูดใช้ธาตุอาหารทางระบบราก ยังใช้ในการเสริมธาตุอาหารหลัก คือ ไนโตรเจน ในรูปปุ๋ยยูเรีย และการให้ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริมแก่พืช ทั้งนี้เพราะ พืชสามารถดูดธาตุอาหารโดยทางใบได้มากกว่า และเร็วกว่าการดูดทางราก จึงใช้ประโยชน์จากธาตุอาหารได้เร็ว ช่วยให้พืชฟื้นตัวเร็วหลักจากชะงัก เนื่องจากกระทบแล้งหรือถูกโรคแมลงทำลาย นอกจากนี้แล้ว ปุ๋ยน้ำ มีความสม่ำเสมอของเนื้อปุ๋ยแน่นอนกว่าปุ๋ยเกล็ด มีปริมาณเนื้อปุ๋ยรวมสูงกว่าปุ๋ยเกล็ด ทำให้ทุ่นค่าใช้จ่ายในการขนส่งมากกว่า ปุ๋ยน้ำผลิตง่ายและเปลี่ยนแปลงปรับปรุงสูตรได้ง่าย จึงผลิตได้มากสูตรกว่าปุ๋ยชนิดเกล็ด ซึ่งจะง่ายต่อการขนส่งและการใช้ด้วย
ข้อเสียของปุ๋ยทางใบ โดยทั่วไปการใช้ปุ๋ยทางใบเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถจะให้ธาตุอาหารแก่พืชได้อย่างเพียงพอในปริมาณที่เท่าเทียมกับปุ๋ยทางดิน เพราะถ้าให้ในระดับความเข้มข้นสูงเกินไป อาจทำให้พืชใบไหม้ การให้ปุ๋ยทางใบเพียงอย่างเดียว จะทำได้เฉพาะกับพืชที่ให้ผลตอบแทนสูงมากเท่านั้น เพราะจะต้องให้ปุ๋ยบ่อยครั้งตามกำหนดเวลาอย่างสม่ำเสมอ
ปุ๋ยเกล็ด มักมีคุณสมบัติดูดความชื้นจากอากาศได้ง่ายกว่าปุ๋ยเม็ด แม้จะมีการใส่สารป้องกันความชื้นแล้วก็ตาม ทำให้เสื่อมคุณภาพเร็ว ราคาต่อหน่วยของธาตุอาหารในปุ๋ยเกล็ดสูงกว่าราคาต่อหน่วยของธาตุอาหารในปุ๋ยเม็ดมาก เพราะแม่ปุ๋ยที่ใช้ในการผลิตปุ๋ยผสมชนิดเกล็ดมีราคาแพงกว่า
ปุ๋ยน้ำ ชนิดสารละลายไม่สามารถผลิตให้มีเกรดสูงๆได้ โดยทั่วไปมักมีปริมาณของธาตุอาหารรวมของ NPK ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ ปุ๋ยน้ำละลายธาตุอาหารเสริมและธาตุอาหารรองได้น้อย ยกเว้นปุ๋ยน้ำที่ใช้แม่ปุ๋ยในรูปของสารประกอบพวกโพลิฟอสเฟตและสารคีเลต ปุ๋ยน้ำโดยทั่วไปจะควบคุมคุณภาพได้ยากกว่าปุ๋ยเม็ดและปุ๋ยเกล็ด ราคาต่อหน่วยของธาตุอาหารในปุ๋ยน้ำสูงกว่าราคาต่อหน่วยของธาตุอาหารในปุ๋ยเม็ดและปุ๋ยเกล็ด และมีเกรดที่ต่ำกว่าด้วย
คุณสมบัติที่ดีของปุ๋ยทางใบ คือมีสูตรสูง อย่างน้อยควรมีส่วนผสมรวมของ NPK ไม่น้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับปุ๋ยน้ำ และ 60 เปอร์เซ็นต์ สำหรับปุ๋ยเกล็ด ควรประกอบด้วยธาตุอาหารเสริมบางธาตุ หรือหลายๆ ธาตุนอกเหนือจากธาตุอาหารหลัก ควรเป็นปุ๋ยที่สามารถละลายน้ำได้เร็วและละลายน้ำได้ทั้งหมด ควรอยู่ในรูปผลึกขนาดเล็ก ที่มีความบริสุทธิ์สูง ไม่ชื้นง่าย และไม่ควรมีค่าความชื้นมากกว่า 1 เปอร์เซ็นต์
สุดท้าย ขอฝากเรื่องการใสปุ๋ยที่ดี ต้องใช้หลัก 5 ถูก คือ ถูกต้อง (ตามหลักวิชาการ) ถูกชนิด (ชนิดของพืช) ถูกเวลา (วัน/เดือน/ปี เช้า/เย็น) ถูกปริมาณ (อัตราส่วน/ไร่/ต้น) และถูกวิธี (ทางดิน/ทางใบ) ...นะครับ
นาย รัตวิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี