วันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านา ปลัด “ชวลิต ชูขจร” ได้ลงนามคำสั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯเร่งสังคายนารูปแบบการทำงานแบบธรรมาภิบาล หลัง คสช. มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานรัฐต้องเร่งสางปมเรื่องปัญหาภายในที่ถูกกดมองว่ายังมีหลายเรื่อง ยังมีเงื่อนงำไม่โปร่งใส โดยเอากันให้ชัดก็คือ เรื่องการปราบปรามและป้องกันการทุจริตทั้งหมด ในหน่วยงานรัฐนั่นเอง
งานนี้ ท่านปลัด “ชวลิต” ได้มีกาประชุมหามรุ่งหามค่ำ เพื่อจะเดินหน้าทั้งเรื่องการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนที่เป็นเรื่องเร่งด่วน และเรื่องการทำงาน ในรูปแบบธรรมาภิบาล โดยคำสั่งดังกล่าว ระบุคร่าวๆว่าให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ต้องทำงานในรูปแบบธรรมาภิบาลมากขึ้น โดยจะต้องมีความโปร่งใสในทุกเรื่อง รวมทั้งสามารถตรวจสอบย้อนหลังและอธิบายได้ทั้งหมด ซึ่งงานนี้เน้นไปถึงเรื่องของการแต่งตั้ง โยกย้าย โดยจากนี้ไปทุกหน่วยงานจะต้องมีการตรวจสอบเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม และต้องไม่ให้ผิดฝาผิดตัว เพื่อให้งานของกระทรวงเกษตรฯเดินหน้าไปได้
ขณะที่เรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างก็จะต้องเข้าตรวจสอบเช่นกัน ส่วนโครงการไหนที่กำลังจะมีการจัดซื้อจัดจ้างจากนี้ไปต้องเน้นเรื่องของความโปร่งใสทุกโครงการ หากมีปัญหาต้องตรวจสอบย้อนหลังได้ทั้งหมด ส่วนโครงการไหนที่มีข้อสงสัยของสังคม ทุกหน่วยงานต้องเร่งตรวจสอบและรายงานมาที่กระทรวงเกษตรฯเป็นการเร่งด่วน เพื่อรายงานต่อ คสช. ซึ่งจากนี้ไป ท่านปลัด “ชวลิต” ย้ำนักหนาว่าเรื่องการทุจริต และเรื่องของความไม่โปร่งใส ในกระทรวงจะต้องไม่มีอีก
แต่ที่แน่ๆ เรื่องของธรรมาภิบาลที่การสั่งการของปลัดกระทรวงเกษตรฯนั้นนอกจากเรื่องของการปฏิรูปเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม และเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใสแล้ว ยังมีเรื่องของ การสั่งการให้ทุกหน่วยงานต้องเร่งทำงานบริหารให้ประชาชนหรือเกษตรกรให้เร็วขึ้นด้วย โดยหากเรื่องใด ที่ต้องช่วยเหลือ เกษตรกรที่ไม่ติดขัดเรื่องของกฎหมายต้องจบภายใน 30 วัน เห็นอย่างนี้ต้องขอปรบมือให้ ในความจริงใจที่จะเดินหน้าแก้ปัญหาของปลัดเกษตรที่ชื่อ “ชวลิต” จริงๆ เพราะเท่าที่ติดตามการทำงาน เห็นชัดว่า เมื่อปลอดนักการเมืองครอบงำ งานเกษตรเดินหน้าไปได้ ในทุกๆเรื่องค่อนข้างรวดเร็ว
และจากนี้ไปในฐานะประชาชนคนหนึ่งคงต้องเฝ้าติดตามการทำงานของข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ว่าหลังรับคำสั่งดังกล่าวงานทุกกรมกองจะเดินหน้าในการช่วยเหลือ และพัฒนาการด้านการเกษตรได้มากน้อยขนาดไหน ซึ่งนานๆ จะได้เห็นผู้ใหญ่ในกระทรวงเกษตรฯเอาจริงเอาจังเสียที โดยหน่วยงานที่ยังน่าเป็นห่วงมากที่สุด ที่น่าจับตามองจากนี้ไป คือ หน่วยงานด้านของการส่งเสริม โดยเฉพาะ กรมส่งเสริมการเกษตร จากนี้ไปถึงคราวต้องขันน๊อตข้าราชการ ต้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลและทำหน้าที่ส่งเสริมที่แท้จริง ไม่ใช่นั่งมโน จนเกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา อันนี้ไม่ต้องแจงปลัด “ชวลิต” และผู้ตรวจราชการ ในพื้นที่ภาคเหนือ เห็นเต็มตา คราที่ไปตรวจเยี่ยมภาคเหนือ เจ้าหน้าที่กรมนี้ไม่มีข้อมูลพื้นที่ภัยแล้งถูกจวกกลางที่ประชุมที่เขื่อนแม่กวงมาแล้ว
นอกจากนั้นยังมีอีกหน่วยงานคือ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. เพราะในขณะที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวโยงกับการแก้ปัญหาที่ดินทั้งกรมอุทยานฯ กรมป่าไม้ ถือโอกาสช่วงทหารเป็นใหญ่นี้รายงานข้อมูลเร่งปราบปรามการเข้าไปถือครองที่ดินในผืนป่าของกลุ่มอิทธิพล ว่ากันว่ามีที่พิงหลังให้ฟันแบบไม่ยั้งไม่ต้องเกรงใจใคร แต่ ส.ป.ก. กลับเงียบ อันนี้ก็ไม่รู้สินะว่าท่านรออะไรถึงเงียบเป็นเป่าสาก และที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องจัดสรรที่ดินมาตลอด ซึ่งส่วนใหญ่ พื้นที่ ส.ป.ก. อยู่ในมือคนรวย ลองแจงทีจริงรึ งานนี้ต้องรอดูผลงานว่าผู้นำข้าราชการในหน่วยงานเกษตรใครจริงใครเก๊ ต้องติดตาม
ราชดำเนิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี