ประเทศไทยเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญของโลก ในแต่ละปี สามารถผลิตข้าวเพียงพอต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศและมีปริมาณการส่งออกข้าว ประมาณปีละ 10 ล้านตัน นำรายได้สู่ประเทศอย่างต่อเนื่องปีละประมาณแสนล้านบาท ตั้งแต่ปลายปี 2552 เป็นต้นมา ได้เกิดการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โดยเฉพาะในพื้นที่เขตชลประทานภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ทำให้ผลผลิตข้าวได้รับความเสียหาย เกษตรกรต้องสูญเสียผลผลิตข้าวไปเป็นจำนวนมาก สร้างความเดือดร้อนต่อรายได้ ความเป็นอยู่ และส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตข้าวของประเทศ
นายชาญพิทยา ฉิมพาลี อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในประเทศไทย มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นทุกปี โดยในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา คือ ปี 2552/2553 มีพื้นที่การระบาด 2.68 ล้านไร่ ปี 2553/2554 มีพื้นที่การระบาด 1.68 ล้านไร่ และปี 2554/2555 มีพื้นที่การระบาดประมาณ 1.18 ล้านไร่ สาเหตุสำคัญของการระบาดมาจากการใช้เทคโนโลยีการทำนาที่ไม่เหมาะสม ได้แก่ การทำนาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการพักดิน การใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกต่อไร่สูง เกษตรกรบางรายใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวถึงไร่ละ 40 กิโลกรัม ทำให้แปลงนามีต้นข้าหนาแน่น จนเป็นทั้งแหล่งหลบอาศัยและเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์สำหรับเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล การปลูกพันธุ์ไม่ต้านทาน เช่น พันธุ์ปทุมธานี 1 และปลูกข้าวพันธุ์เดิมซ้ำๆ หลายปี ทำให้เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลปรับตัวให้เข้าทำลายต้นข้าวและเกิดการแพร่ระบาด การใช้สารเคมีฆ่าแมลงที่ไม่ถูกต้อง ชนิดอัตราและเวลาที่ใช้ ได้ทำลายแมลงที่เป็นประโยชน์ที่ช่วยกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในนาข้าว เช่น มวนเขียวดูดไข่ แตนเบียน ทำให้ระบบนิเวศแปลงนาที่เคยเหมาะสมสำหรับการเติบโตของต้นข้าวเปลี่ยนแปลงกลายเป็นระบบนิเวศที่มีความเหมาะสมในการเจริญเติบโตและขยายประชากรเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลจนเกิดสภาวะการระบาดจนผลผลิตข้าวเสียหายอย่างรุนแรง
กรมการข้าว มีภารกิจและบทบาทหน้าที่เกี่ยวกับการวิจัยทดลองด้านข้าว และครอบคลุมถึงการส่งเสริมสนับสนุนและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านข้าวไปให้ชาวนา โดยได้ทำการส่งเสริมผลงานวิจัยเทคโนโลยีการป้องกันและกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไปให้เกษตรกรอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552-2555 จากบทเรียนประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่า เกษตรกรบางส่วนยังคงมีการปฏิบัติด้านการป้องกันเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอย่างไม่ถูกต้อง อีกทั้งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม มีสภาพอุณหภูมิประมาณ 25-28 องศาเซลเซียส เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล จึงมักมีสภาพระบาดอย่างรุนแรงในพื้นที่ทำนาเขตภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก นอกจากนี้ปัจจัยความสำเร็จในการควบคุมพื้นที่การระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในหลายจังหวัด เกิดจากความร่วมมือแก้ไขปัญหาเชิงรุกอย่างเป็นระบบของหน่วยงานในพื้นที่และเกษตรกร โดยมีการจัดระบบสำรวจติดตามสถานการณ์ระบาดในแปลงนาอย่างสม่ำเสมอและระบบถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่เกษตรกรก่อนเกิดการระบาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรรู้เท่าทันสถานการณ์ศัตรูข้าวและมีความรู้การป้องกันกำจัดที่ถูกต้อง และสามารถจัดการแก้ไขปัญหาศัตรูข้าวแบบทันเวลา
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงได้จัดให้มีโครงการพัฒนาศูนย์บริการวิชาการเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล (BPH Technical Services Center-BTSC) ขึ้น เพื่อบริการการจัดการองค์ความรู้ของกรมการข้าวให้สามารถถ่ายทอดไปให้กลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน และทันต่อสถานการณ์การระบาด
ว่าที่พันตรีวิศาล สมพงษ์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ สำนักส่งเสริมการผลิตข้าว กรมการข้าว กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับพื้นที่ดำเนินงานมีทั้งหมด 10 จังหวัด ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ที่มักพบการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลทั้งสิ้น ได้แก่ จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สุพรรณบุรี นครสวรรค์ พิษณุโลก พิจิตร และกำแพงเพชร โดยศูนย์บริการวิชาการเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล จัดตั้งขึ้น ณ สำนักงานเกษตรจังหวัด เพื่อเป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้เรื่องเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยศูนย์บริการวิชาการเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล มีหน้าที่วิเคราะห์ ศึกษา สังเคราะห์แนวทางการแก้ไขปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในระดับจังหวัด และเผยแพร่ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเพลี้ยกระโดดและป้องกันกำจัดให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ผู้นำเกษตรกร ทั้งเกษตรกรปราดเปรื่อง ชาวนาอาสา เกษตรหมู่บ้าน และหมอดินอาสา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าโครงการดังกล่าว สามารถช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่การระบาดรู้เท่าทันสถานการณ์การระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ตลอดจนสามารถใช้เทคโนโลยีการป้องกันกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่ถูกต้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี