เป็นที่รู้กันมานานว่าประเทศไทยเป็นผู้ผลิตข้าวส่งออกไปยังตลาดโลกได้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ชาวนายังต้องเผชิญกับปัญหาความเสี่ยงในด้านการผลิต โดยเฉพาะ “เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล” ศัตรูตัวสำคัญที่สร้างความเสียหายทางมูลค่าเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก กรมการข้าว ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดูเรื่องนี้โดยตรงจึงหาทางป้องกันและแก้ปัญหาจนบรรเทาเบาบางลงได้ในที่สุด
นายชาญพิทยา ฉิมพาลี อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า กรมการข้าวได้จัดทำโครงการหมู่บ้านนำร่องปลอดการระบาดของเพลี้ยกระโดดในหลายพื้นที่ ได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี ชัยนาท และปราจีนบุรี สำหรับหมู่บ้านนำร่อง กรมการข้าวจะนำความรู้และเทคโนโลยีทั้งหมดเข้าไปถ่ายทอดและส่งเสริมให้ชาวนานำไปปฏิบัติ เริ่มตั้งแต่การเตรียมดิน การใช้พันธุ์ข้าวต้านทานต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล จัดระบบการปลูกข้าวที่เหมาะสม การสำรวจเฝ้าระวังศัตรูพืชการปรับสภาพนิเวศน์ในแปลงนา ที่สำคัญคือการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ ลดต้นทุนจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นการแก้ปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลให้หมดไปจากแปลงนาอย่างยั่งยืน
นายเฉลิมชาติ ฤาไชยคาม นักวิชาการเกษตรชำนาญการ ศูนย์วิจัยข้าวสุพรรณบุรี กล่าวว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้วเกิดเพลี้ยกระโดดระบาดในพื้นที่ ซึ่งเกษตรกรจะใช้สารเคมีเพื่อต้องการให้ได้ผลผลิตเยอะ จึงทำให้เพลี้ยกระโดดระบาดได้ง่าย และขยายพื้นที่เป็นวงกว้างกว่า 4 แสนไร่ โดยพื้นที่ที่ประสบปัญหามากที่สุดคือ พื้นที่ตำบลวังหว้า ตำบลหนองสาหร่าย ตำบลบ้านสระ ต่อมามีโครงการหมู่บ้านนำร่องปลอดการระบาดของเพลี้ยกระโดด และมีเกษตรกรประมาณ 100 คน จาก 5 หมู่บ้านเข้าร่วมโครงการ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ลงไปสอนให้เกษตรกรรู้จักในเรื่องของแมลง เน้นการสำรวจแปลงนา ประกอบกับนโยบายการจัดระบบการปลูกข้าวของกระทรวงเกษตรฯ ทำให้ลดการปลูกข้าวเหลือปีละ 2 ครั้ง และจะหยุดปลูกข้าวในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลกำลังอพยพ ทำให้ไม่เกิดการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล แต่ที่เราเข้าไปสอนเกษตรกรคือ ให้ได้เรียนรู้ในเรื่องของแมลงตัวดี ตัวร้าย ที่อยู่ในแปลงนา รู้จักการสำรวจแปลงนา เมื่อไม่พบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ส่งผลให้เกษตรกรสามารถลดการใช้สารเคมีที่เคยใช้ฉีดลงได้ด้วย อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินงานที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จดีมาก ถึงแม้จะพบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลบ้างเล็กน้อยแต่ยังสามารถป้องกันได้
ขณะที่ นายอนุสรณ์ สุพรรณโรจน์ เกษตรกรหมู่บ้านนำร่องต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล บ้านเลขที่ 24/1 หมู่ 4 ต.บางงาม อ.ศรีประจันทร์ จ.สุพรรณบุรี บอกว่า มีที่นาของตัวเอง 15 ไร่ เช่าทำอีก 55 ไร่ เดิมทำนาแบบทั่วไป มีการฉีดยา ใส่ปุ๋ย ต้นทุนประมาณ 4,000-5,000 บาทต่อไร ปัจจุบันใช้วิธีลดต้นทุนโดยใช้ปุ๋ยในนา ทำนาแบบไม่ต้องฉีดสารเคมี โดยจะใช้สารชีวภาพที่ทำเอง ใส่น้ำหมักชีวภาพไปพร้อมๆ กับการปล่อยน้ำเข้านา ต้นทุนลดลงเหลือประมาณ 3,500 บาท ต่อไร่ แต่บางครั้งอาจใช้ปุ๋ยเคมีในการผสมผสานบ้าง เช่น ใส่ปุ๋ยตามอาการข้าว ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา ยังไม่เคยใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงเลยและผลผลิตอยู่ที่ 75-80 ถังต่อไร่
ส่วนการแก้ปัญหาของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ค่อนข้างได้ผลดีหลังกรมการข้าวส่งนักวิชาการเข้ามาอบรม เรื่องระบบนิเวศน์ในการทำนา ใช้ปุ๋ยตามอาการข้าว การตรวจดิน ใส่ปุ๋ยตามปริมาณการตรวจดิน ใช้สารชีวภาพในการบำรุงและกำจัดเพลี้ย หนอน เป็นต้น การที่จะต่อสู้กับเพลี้ยกระโดดได้ ต้องทำข้าวให้แข็งแรงก่อน หนอนแมลงหรือเพลี้ยกระโดดก็จะไม่มารบกวน นอกจากนี้ยังสามารถหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของเพลี้ยกระโดดได้ คือ การปลูกข้าวให้ถูกช่วงฤดูกาล และควรปลูกข้าวพันธุ์ที่ต้านทานโรค ซึ่งตั้งแต่เริ่มทำมาก็ไม่เคยได้รับผลกระทบจากเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอีกเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี