หลังจากที่ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ใน Tier 3 จากรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ หรือ TIP report ประจำปี 2557 ทำให้เกิดภาพลักษณ์ในเชิงลบต่อสินค้าประมงไทยในสายตาชาวต่างประเทศ และอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อการส่งออกสินค้าประมงของไทย กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดทำแผนแม่บทการดำเนินการแก้ไขปัญหาแรงงานในภาคประมง โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งในแง่ของการผลิตเพื่อการบริโภคภายในประเทศและเพื่อการส่งออก
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สำหรับแผนแม่บทการดำเนินการแก้ไขปัญหาแรงงานในภาคประมงจะประกอบด้วย 8 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.การขยายผลการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี หรือ GLP เต็มรูปแบบ ให้ครอบคลุมทั้งสายการผลิต ตั้งแต่สถานแปรรูปเบื้องต้น โรงงานแปรรูป ฟาร์มเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล และเรือประมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือประมงนอกน่านน้ำ เรือประมงพาณิชย์ในน่านน้ำ และเรือขนถ่ายสัตว์น้ำ ที่ควรมีการสอดส่องดูแลอย่างเข้มงวด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการกระทำผิดด้านแรงงาน 2.การจัดทำ GLP Platform ร่วมกันกับกระทรวงแรงงานภายใต้ความร่วมมือกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการขยายผลGLP ในภาคประมงอย่างยั่งยืน 3. จัดระเบียบเรือประมงไทยเพื่อป้องกันการประมงที่ผิดกฎหมาย(IUU) และการค้ามนุษย์ในภาคการประมง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการออกหน่วยเคลื่อนที่ หรือ Mobile Unit ร่วมกับกรมเจ้าท่าในการจดทะเบียนเรือ เพื่อเร่งรัดให้ผู้ประกอบการเรือประมงมาขอจดอาชญาบัตรทำการประมงให้ถูกต้องกับกรมประมง โดยปัจจุบันพบว่ามีจำนวนทะเบียนเรือเพิ่มขึ้นจาก 15,000 ลำในปี 2553 เป็น 42,000 ลำในปัจจุบัน ทั้งนี้ กรมประมงจะเร่งรัดประสานกรมเจ้าท่าเพื่อเสนอให้มีการปรับแก้กฎระเบียบ ให้เรือขนาด 50 ตันกรอสขึ้นไป ต้องทำการติดตั้งระบบติดตามเรือประมง อีกทั้งกรณี เรือประมงนอกน่านน้ำ ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมประมงประมาณ 300 ลำนั้น จะได้ขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการในการให้สวัสดิการแก่แรงงานของตนให้สามารถใช้โทรศัพท์ดาวเทียม ติดต่อพูดคุยกับครอบครัวของตนได้เป็นครั้งคราว หรือในเหตุกรณีจำเป็นด้วย
ชวลิต ชูขจร
4. สนับสนุนการบูรณาการ การตรวจร่วมเรือประมงและแรงงานประมง 5.การตรวจตราเรือประมงพาณิชย์ในน่านน้ำที่เข้า - ออกจากท่า โดยมอบหมายให้กรมประมง สนับสนุนเรือตรวจการประมงพร้อมเจ้าหน้าที่ในการบูรณาการ การตรวจร่วมเรือและแรงงานประมงเพิ่มเติมร่วมกับกระทรวงแรงงาน 6.การสนับสนุนจากกองทัพเรือ ช่วยตรวจตราเรือประมงร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะ Joint Patrol เพื่อสอดส่องดูแล ป้องกันและปราบปรามการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และปัญหาการค้ามนุษย์บนเรือประมงนอกน่านน้ำในอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 7.จัดการฝึกอบรมให้ความรู้ความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่รัฐและผู้ประกอบการเรือประมง ในเรื่องที่เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ควบคู่กันไปด้วย และ 8.การส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้าประมงของไทยในต่างประเทศผ่านการประชุมหรือแสดงสินค้าและอาหารทะเลในต่างประเทศ รวมถึงกรมประมงได้มีการจัดทำเว็บไซต์ Good Fisheries Labour Practices และการจัดทำแผ่นพับประชาสัมพันธ์และมีแผนที่จะแจกจ่ายเอกสารเผยแพร่ไปยังสำนักงานที่ปรึกษาเกษตรในต่างประเทศ รวมถึงขอความร่วมมือจากกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อช่วยเผยแพร่ในต่างประเทศที่เป็นคู่ค้าสินค้าประมงที่สำคัญของไทย
นายชวลิต กล่าวอีกว่า ในแต่ละปีการส่งออกสินค้าประมงมีมูลค่ากว่า 270,000 ล้านบาท มีจำนวนแรงงานที่ทำงานในอุตสาหกรรมนี้ประมาณ 1 ล้านคน ตั้งแต่ภาคการทำประมง ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สถานแปรรูปเบื้องต้น อุตสาหกรรมประมงต่อเนื่อง และอุตสาหกรรมสนับสนุนอื่น ๆ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้เริ่มขับเคลื่อนแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาแรงงานในภาคประมงแล้ว โดยมอบหมายให้กรมประมงออกประกาศการจัดระเบียบเรือประมง เพื่อเร่งรัดให้ผู้ประกอบการมายื่นคำขออาชญาบัตรให้ถูกต้องภายใน 30 วัน อีกทั้งเร่งรัดติดตามผลการฝึกอบรม GLP แก่ผู้ประกอบการสถานแปรรูปเบื้องต้นและโรงงานแปรรูปเป็นครั้งที่ 2 เพื่อติดตามความคืบหน้าในการปรับปรุงสภาพการทำงานของสถานประกอบการ และได้เตรียมการขยายผล GLP ให้ครอบคลุมโรงงานแปรรูปอาหารทะเลและสถานประกอบการแปรรูปเบื้องต้นที่ผลิตเพื่อการส่งออกเพิ่มเติมอีกจำนวน 260 แห่ง พร้อมกันนี้ได้หารือกับกรมเจ้าท่าเพื่อพิจารณาปรับแก้กฎระเบียบเพื่อบังคับให้เรือประมงทุกลำต้องติดตั้งระบบติดตามเรือประมง รวมทั้งได้ขอความร่วมมือจากสมาคมภาคเอกชนให้การสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านแรงงานในภาคประมงที่เสนอในแผนแม่บทด้วยเช่นกัน
นายมงคล สุขเจริญคณา รองประธานกรรมการบริหาร สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แผนแม่บทที่กระทรวงเกษตรฯ และกรมประมงได้ร่างขึ้นนั้น เป็นแผนแม่บทที่ดี ซึ่งจะสามารถสื่อสารให้ต่างประเทศทราบว่า จริงแล้ว การทำประมงของไทยส่วนใหญ่นั้นถูกกฎหมาย และไม่มีแรงงาน เฉลี่ยถึงร้อยละ 90 แต่การที่ สื่อต่างชาตินำเสนอออกไปนั้น ได้เพ่งเล็งเฉพาะจุดไม่ได้นับเอาภาพรวมถือว่าเป็นความไม่ยุติธรรมกับธุรกิจประมงไทย ซึ่งแผนแม่บทที่ได้เสนอขึ้นมานั้นคาดว่าจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยซึ่งมีการประชาสัมพันธ์ทางสื่อหลายรูปแบบ พร้อมทั้งเร่งให้มีการจัดการขึ้นทะเบียนเรือประมงให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่า เรือลำนี้มาจากที่ใด เป็นของใคร ใครคือกัปตันเรือ ซึ่งขณะนี้มีจำนวนเรือประมงประมาณ 50,000 ลำ คิดเป็น ประมงพื้นบ้าน 40,000 ลำ เรือประมงพาณิชย์ 10,000 ลำ และเรือประมงนอกน่านน้ำ 700 ลำ ซึ่งการขึ้นทะเบียนเรือนั้นทำยากได้ เนื่องจากการเรือประมงส่วนใหญ่ออกจากฝั่งใช้เวลาหลายวัน อาจจะ 3 -5 วัน หรือ อาจจะเป็นปี โดยเฉพาะเรือนอกน่านน้ำ
หากแผนแม่บทการดำเนินการแก้ไขปัญหาแรงงานในภาคประมงนี้ สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ เชื่อว่าภาพลักษณ์ของประมงไทยจะกลับมาสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ค้าและชาวต่างชาติได้มากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี