ปาล์มน้ำมันถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่นับว่า มีความสำคัญในธุรกิจน้ำมันพืชเพื่อการบริโภค และเป็นวัตถุดิบอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกหลายอุตสาหกรรม โดยประเทศที่มีการส่งออกปาล์มน้ำมันเป็นอันดับหนึ่งอย่างประเทศมาเลเซีย มีการทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาล เพื่อวิจัยและพัฒนาด้านปาล์มน้ำมันอย่างจริงจัง สำหรับประเทศไทยที่มีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลาย และพืชพันธุ์เศรษฐกิจนานาชนิด งบประมาณด้านการวิจัยจึงถูกกระจัดกระจายออกไป ดังนั้นซีพีไอ อะโกรเทค จึงได้ร่วมมือกับศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร (ศทก.) วิจัยและพัฒนาปาล์มน้ำมัน ให้มีผลผลิตและคุณภาพสูงทัดเทียมกับต่างประเทศ
นายโกศล นันทิลีพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีไอ อะโกรเทค จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันประสบปัญหาขาดแคลนพันธุ์ต้นกล้าที่มีคุณภาพ จึงต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งมาเลเซีย คอสตาริกา และอินโดนีเซีย แต่เมื่อนำมาปลูกในบ้านเราแล้ว กลับให้ผลผลิตทั้งคุณภาพและปริมาณไม่เป็นที่น่าพอใจนัก ทางซีพีไอ อะโกรเทค ได้เล็งเห็นถึงปัญหานี้ จึงได้ร่วมมือกับศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร ( หรือ ศทก. ) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โดยมอบเงินสนับสนุนงานวิชาการ และงานวิจัยในเรื่องปาล์มน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี เพื่อยกระดับให้การทำสวนปาล์มน้ำมันมีประสิทธิผลที่สูงขึ้น จากการเก็บข้อมูลในระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่าต้นปาล์มบางแปลงมีผลผลิตสูงอย่างสม่ำเสมอ แสดงให้เห็นว่า ต้นปาล์มเหล่านี้สามารถปรับตัวได้ดี จึงเป็นจุดเริ่มต้นของงานวิจัยด้านการปรับปรุงพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อม ตอนบนของจังหวัดชุมพร จนเป็นที่มาของปาล์มน้ำมันพันธุ์ลูกผสม “ซีพีไอไฮบริด”
ศ.ดร.สุนทรี ยิ่งชัชวาลย์ อาจารย์สาขาวิชาพฤกษศาสตร์ คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้รับผิดชอบงานวิจัยด้านการจัดการสวนปาล์มน้ำมันให้มีประสิทธิภาพ กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องการจัดการสวนปาล์มถือว่ามีความสำคัญ ไม่น้อยไปกว่าการเลือกสายพันธุ์ที่ดี ประกอบกับโจทย์ของปัญหาที่ชัดเจน ว่าจะทำอย่างไรให้ปาล์มน้ำมันของไทย มีผลผลิตและคุณภาพสูงทัดเทียมกับประเทศผู้นำด้านปาล์มน้ำมัน จึงเป็นที่มาของงานวิจัยเรื่องการจัดการสวนปาล์มน้ำมันให้มีประสิทธิภาพ โดยแรกเริ่มได้ศึกษาปริมาณการให้ปุ๋ย ศึกษาสภาพอากาศและสภาวะของน้ำในดินที่มีผลต่อการเปิดปากใบ การสังเคราะห์แสงและการคายน้ำ ตลอดจนศึกษาศักยภาพการวัดแสงของใบปาล์มน้ำมัน เพื่อให้ทราบถึงระดับความเข้มของแสงที่ทำให้เกิดอัตราการสังเคราะห์แสงสูงสุด นำไปสู่การจัดการโรงเรือนให้ได้แสงตรงตามความต้องการของใบ เพื่อเพิ่มผลผลิต รวมทั้งการศึกษาการใช้น้ำของต้นปาล์ม เพื่อให้น้ำในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละสภาพอากาศ และการศึกษาแนวทางในการออกแบบการตัดแถวต้นปาล์มน้ำมัน เพื่อไม่ให้ต้นปาล์มน้ำมันที่โตเกินไปเกิดการบังแดดกันเอง หรือเป็นการเพิ่มแสงให้แก่ต้นที่เหลือ นอกจากนี้งานวิจัยดังกล่าวยังช่วยปลูกวัฒนธรรมองค์กรในการอ้างอิงข้อมูลวิทยาศาสตร์ เพื่อใช้ในการจัดการสวน ตลอดจนเสริมสร้างทักษะในการใช้อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ เพื่อเก็บและสะสมข้อมูล เพื่อการจัดการปัจจัยการผลิต ด้วยความร่วมมือทางวิชาการระหว่างบริษัทเอกชน และหน่วยงานวิชาการของรัฐฯ ในระยะเวลาที่ต่อเนื่องนี้ ทำให้ก้าวไปสู่โครงการปรับปรุงพันธุ์ และสร้างความสามารถในการผลิตเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันตามวิธีการสากลให้เกิดขึ้นในประเทศได้ นับเป็นความสำเร็จอีกประการหนึ่งของวงการเกษตรของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นวิถีที่สามารถแข่งขันในสากลได้
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ต่างๆที่ได้จากการทำวิจัยมาเป็นเวลานานกว่า 25 ปี ซีพีไอ อะโกรเทค จึงได้จัดตั้ง “ ศูนย์การเรียนรู้การปลูกปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน ” ( CPI Learning Center ) เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับให้ความรู้เกี่ยวกับปาล์มน้ำมันอย่างครบวงจร โดยรวบรวมองค์ความรู้ด้านสรีรวิทยาของปาล์มน้ำมันที่มากที่สุดในประเทศ ทั้งจากเอกสารทางวิชาการ งานวิจัยของบริษัทฯ และประสบการณ์จากการทำสวนปาล์มมากว่า 30 ปี ในพื้นที่สวนปาล์มกว่า 20,000 ไร่ ตลอดจนการจัดกิจกรรมเวิร์คช็อปเพิ่มผลผลิตปาล์มน้ำมัน ให้แก่เกษตรกรและผู้ที่สนใจอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์การเรียนรู้ฯ ตั้งอยู่ที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ผู้ที่สนใจเข้าอบรมสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์. 077 – 599 - 680 หรือ www.cpiagrotech.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี