ชาญพิทยา ฉิมพาลี
หลากหลายพันธุ์ข้าวของประเทศไทย ที่ถูกเก็บรวบรวมไว้ในศูนย์ปฏิบัติการและเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวแห่งชาติ หรือ Gene Bank ซึ่งแต่ละสายพันธุ์มีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไป และบางสายพันธุ์ก็นำออกมาเพื่อพัฒนา ผสม นำเอาข้อดีของแต่ละสายพันธุ์มารวมเข้าไว้ด้วยกันให้เกิดข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่เป็นที่ต้องการของตลาดและเหมาะสมกับการทำการเกษตรในปัจจุบัน
“ข้าวเหนียวเขี้ยวงู” เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่กรมการข้าวนำออกมาพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นใหม่อีกครั้งหลังจากที่ไม่มีข้าวสายพันธุ์นี้ปลูกในประเทศไทยมานาน ซึ่งข้าวเหนียวเขี้ยวงูที่วางขายอยู่ในตลาดทั่วไปนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นข้าวเหนียวพันธุ์ กข.6 ที่ผู้ประกอบการโรงสีนำมาผ่านกระบวนการขัดสีและขัดมันให้มากกว่าปกติ เพื่อให้มีลักษณะเมล็ดเล็ก หัวและท้ายแหลม เรียวยาวและมีความขาวมากกว่าข้าวเหนียวโดยทั่วไป
นายชาญพิทยา ฉิมพาลี อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า แหล่งเพาะปลูกข้าวเหนียวเขี้ยวงู ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงราย แต่เดิมนั้นที่อำเภอแม่จันเป็นพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกกันอย่างแพร่หลาย
และจากการสำรวจพบว่า ในแต่ละปีมีการส่งข้าวเหนียวเขี้ยวงูให้กับจังหวัดในภาคกลาง โดยแต่ละปี มีปริมาณการขึ้นส่ง 250-350 ตัน ในราคาตันละ 40,000 บาท ซึ่งสร้างรายได้เฉลี่ยประมาณปีละ 10-15 ล้านบาท สาเหตุที่ข้าวเหนียวเขี้ยวงูมีราคาสูงเนื่องจากมีกระบวนการผลิตหลายขั้นตอน โดยเฉพาะการขัดเงาหรือขัดสีเมล็ดที่มากครั้ง จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง ศูนย์วิจัยเชียงรายจึงเล็งเห็นว่า ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเป็นข้าวพื้นเมืองชนิดหนึ่งของจังหวัดเชียงรายจึงควรนำกลับมาปรับปรุงพัฒนาขึ้นมาใหม่อีกครั้งเพื่อทดแทนการนำข้าวเหนียว กข.6 มาผลิตเป็นข้าวเหนียวเขี้ยวงู ซึ่งจะทำให้สามารถลดขั้นตอนการผลิตและประหยัดค่าใช้จ่ายอีกทางหนึ่ง
ศูนย์วิจัยข้าวเชียงรายได้นำเอาข้าวเหนียวเขี้ยวงูกลับมาทดลองปลูกตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 6 ปี จนได้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูสายพันธุ์ G.S.No.8974 ที่มีลักษณะประจำพันธุ์คือ เป็นข้าวที่ไว้ต่อช่วงแสง กอตั้ง ต้นแข็ง คอรวงยาว ระแง้ห่าง เมล็ดข้าวเปลือกเล็ก เรียวยาว ข้าวกล้องสีขาว มีความต้านทานต่อโรคไหม้และค่อนข้างต้านทานโรคขอบใบแห้ง ต้านทานเพลี้ยกระโดดหลังขาว เมื่อนึ่งหุงสุกแล้ว มีสีขาว นุ่ม เหนียวติดกันแต่ไม่เละมีความเลื่อมมันค่อนข้างมากและมีกลิ่นหอม มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในรูปแบบของวิตามินอี ทั้ง 3 Isomer (ไอโซเมอร์) มีบทบาทสำคัญในขบวนการ metabolism (เมตาบอริซึม)ในร่างกายโดยเฉพาะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลด คอเลสเตอรอล สูงถึง 5.32 มิลลิกรัมต่อรำ 100 กรัม อีกทั้งยังสารช่วยลดการเกิดปฏิกิริยา oxidation (อ๊อกซิเดชั่น) ซึ่งเป็นผลผลิตจาก คอเลสเตอรอล ที่อาจก่อให้เกิดสารประกอบที่ทำให้เป็นอันตรายต่อเซลล์ต่างๆ ในหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเส้นเลือดอุดตันในหัวใจ โรคที่เกี่ยวกับปอดและโรคมะเร็ง รวมทั้งอาการผิดปกติของวัยทอง มีปริมาณ 188.2 มิลลิกรัมต่อรำ 100 กรัม
ตลาดของข้าวเหนียวเขี้ยวงูส่วนใหญ่จะเป็นการแปรรูป โดยการนำมาทำเป็นของหวาน ซึ่งก็คือ ข้าวเหนียวมูน ผู้ประกอบการ
ส่วนใหญ่ที่ทำธุรกิจของหวานต่างเห็นตรงกันว่า ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเหมาะที่จะทำเป็นข้าวเหนียวมูนอีกทั้งมีรสชาติที่ดีกว่า ข้าวเหนียว กข.6 ที่วางขายตามท้องตลาด และนอกจากนี้ กรมการข้าวได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงพัฒนาการผลิตและการตลาดข้าวเหนียวเขี้ยวงู ร่วมกับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร หรือ อ.ต.ก. ในการช่วยเหลือเกษตรกรให้เป็นผู้ผลิตสินค้าข้าวเหนียวเขี้ยวงู โดยมอบหมายให้ศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย ดำเนินการคัดเลือกและกำกับเกษตรกรเป็นผู้ดำเนินการปลูกข้าวในแปลงนาสาธิต 10 ไร่ และหากได้ผลผลิตแล้ว อตก.จะเป็นผู้รับซื้อผลผลิตทั้งหมดในราคาที่ไม่ต่ำกว่าท้องตลาด และเนื่องจากข้าวเหนียวเขี้ยวงูเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัดเชียงราย กรมการข้าวจึงมีแนวคิดที่จะนำข้าวเหนียวเขี้ยวงูขึ้นทะเบียนเป็นข้าว GI อีกชนิดหนึ่ง ทั้งนี้
คาดการณ์ว่าตลาดข้าวเหนียวเขี้ยวงูในประเทศและส่งออกจะมีมูลค่ากว่า 6,700 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงพร้อมกับ ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ชอบบริโภคข้าวเหนียวมูนโดยเฉพาะข้าวเหนียวมะม่วงและข้าวเหนียวทุเรียน
การส่งเสริมการปลูกข้าวเหนียวเขี้ยวงูในจังหวัดเชียงรายนี้ ถือเป็นการกระตุ้นตลาดข้าวพื้นเมืองให้กลับเป็นที่นิยมอีกครั้ง และกรมการข้าวได้เตรียมเสนอให้คณะกรรมการพิจารณารับรองพันธุ์ หลังจากที่ ข้าวสังข์หยด ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ได้กลับมาตีตลาดก่อนหน้านี้ รวมทั้งการนำข้าวปิ่นแก้วกลับมาเริ่มการทดลองและพัฒนาสายพันธุ์ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับเกษตรกร โดยในอนาคตตลาดข้าวจีไอ น่าจะเป็นการตอบโจทย์ให้กับเกษตรกรและผู้บริโภคซึ่งนอกจากจะมีความหลากหลายแล้ว คุณประโยชน์ของข้าวยังสามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย ซึ่งสามารถสร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี