เมื่อเวลา 08.35 น. วันที่ 22 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ควบคุมตัว นายวันชัย หรือเกม แสงขาว อายุ 22 ปี และนายณัฐกร หรือหนึ่ง ชำนาญ อายุ 19 ปี2 ผู้ต้องหาในคดีฆ่าข่มขืนน้องแก้ม เด็กหญิงวัย 13 ปี บนรถไฟขบวนที่ 174 นครศรีธรรมราช-กรุงเทพ เดินทางไปศาลจังหวัดหัวหิน เพื่อนัดสืบพยานประกอบคำรับสารภาพนัดแรก
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย สวมชุดนักโทษแขนสั้น สีน้ำตาลที่แขนด้านขวามีปลอกแขนสีแดง ซึ่งแสดงว่าเป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ต้องควบคุมเป็นพิเศษ ถูกตีตรวนที่ข้อเท้าและสวมกุญแจมือคู่กันตลอดเวลา โดยนายวันชัยมีสีหน้าอิดโรย และอาการเครียดในขณะที่เดินขึ้นรถควบคุมตัว หลังจากก่อนหน้านี้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาในการรับฟังคำฟ้องที่ศาลจังหวัดหัวหิน ส่วนนายณัฐกรยังมีสีหน้าเรียบเฉย หลังจากให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวในคดีดังกล่าว โดยทั้งคู่ได้มาถึงศาลจังหวัดหัวหิน และนำตัวเข้าห้องพิจารณาที่ 2 ช่วงเวลา 10.40 น.
นางลักขณา ทองพัฒน์ อายุ 48 ปี มารดาของน้องแก้มกล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า ยังอยากให้ผู้ต้องหามาขอขมาน้องแก้ม จะได้ไม่ต้องมีเวรกรรมต่อกันอีก โดยในวันนี้ได้นำรูปถ่ายของน้องแก้มและพวงมาลัยมาด้วย ส่วนอัฐิของน้องนั้นได้นำน้องไปอยู่กับคุณพ่อของน้องแก้มแล้ว ทั้งนี้ศาลอนุญาตให้มีการขอขมาได้ภายในห้องไกล่เกลี่ยข้อพิพาท แต่ไม่อนุญาตให้สื่อบันทึกภาพ
ขณะเดียวกัน แม่ของนายณัฐกร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ยังต้องการขอความเป็นธรรมให้กับบุตรชาย เพราะเชื่อว่าบุตรชายไม่ได้ร่วมมือและไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ภายหลังผู้พิพากษาได้ออกบังลังก์แล้ว ได้สอบถามนายวันชัยในคดีว่าจะรับหรือปฏิเสธ ซึ่งนายวันชัยได้ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ส่วนตัวนายณัฐกรยังให้การปฏิเสธ จากนั้นศาลนัดได้สืบโจทก์และจำเลยรวม 5 นัด โดยสืบโจทย์ 4 นัด ของจำเลย 1 นัด โดยจะเริ่มสืบโจทก์นัดแรกในวันที่ 6 สิงหาคม เวลา 09.00 น. ขณะที่ญาตินายณัฐกรได้ยื่นขอประกันตัวแต่ศาลไม่อนุญาต
ด้าน เจ้าหน้าที่ในเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ คนหนึ่งเปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าไปพูดคุยเพื่อทำจิตบำบัดกับนายวันชัยและมีรายงานถึงกรมราชทัณฑ์ ทำให้ทราบว่าผู้ต้องขังรายนี้เป็นบุคคลที่มี 2 บุคลิก ทั้งการแสดงสีหน้าเรียบเฉย ยิ้มแย้มแจ่มใส และอีกพฤติกรรมมีสภาพจิตใจโหดร้ายหากอยู่ตามลำพัง ไม่สะทกสะท้านในการลงมือข่มขืนและฆ่าเหยื่อ โดยจะยอมรับการตัดสินของกระบวนการยุติธรรม หากศาลสั่งลงโทษประหารชีวิตก็พร้อมจะยอมรับโทษโดยไม่ซัดทอดบุคคลอื่น ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถใช้กระบวนการบำบัดเพื่อให้สภาพจิตใจของนายวันชัย เข้าสู่สภาวะปกติได้เหมือนผู้ต้องขังทั่วไป
เมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพบก น.ส.ขวัญ (นามสมมติ) เหยื่อที่ถูกข่มขืนบนรถไฟเมื่อ 13 ปีที่แล้ว เดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม และเร่งรัดคดีที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของศาล พร้อมทั้งเสนอให้มีการป้องกันในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมี พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบกเป็นตัวแทนรับหนังสือ
โดยในหนังสือดังกล่าวได้ร้องเรียนให้ 1.การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ปรับโครงสร้างองค์กร กำหนดให้มีการปฏิรูป ร.ฟ.ท. และบรรจุอยู่ในวาระแห่งชาติ โดยเฉพาะการบริหารจัดการในส่วนของการให้บริการผู้โดยสาร ขั้นตอนการคัดเลือกพนักงานและผู้ให้บริการ จัดทำประกันชีวิตให้กับผู้ใช้บริการ รับผิดชอบผู้ใช้บริการในทุกกรณี
2.แก้ไขและปรับปรุงระบบการคุ้มครองเยียวยาทางสังคม โดยเน้นความปลอดภัยของเด็กและสตรีในทุกพื้นที่ เสนอบทลงโทษให้แรงมากกว่านี้ บำบัดทางจิตแก่ผู้กระทำความผิดเพื่อไม่ให้กระทำซ้ำอีก การพิจารณาชดใช้ทางแพ่งต้องรวดเร็วและเพียงพอสำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ และ 3 .ขอให้ปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม สำหรับผู้หญิงที่เสียหายในคดีทางเพศด้วย
ด้าน พล.ต.พลภัทร กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า จะส่งเรื่องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่มี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม รวมถึงส่งเรื่องให้กับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอน ผบ.ทอ. ในฐานะ รอง คสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี