23 ก.ค.57 นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. ได้สำรวจความคิดเห็น (Poll) ของกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรในทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 2,346 ราย ในช่วงเดือนมิถุนายน 2557 หัวข้อ "ระดับความสุขของเกษตรกรไทย" พบว่า ความสุขมวลรวมของเกษตรกรไทยในภาพรวมอยู่ในระดับมากด้วยคะแนนเฉลี่ย 3.10 จากคะแนนเต็ม 4 คะแนน โดยเกษตรกรมีความสุขในระดับมากขึ้นไปคิดเป็นร้อยละ 78.51 ทั้งนี้ ความสุขของเกษตรกรไทยวัดจากตัวชี้วัดความสุขใน 6 มิติ คือ ครอบครัวดี คะแนนเฉลี่ยมากที่สุด 3.41 คะแนน ตามมาด้วยสุขภาพดี 3.21 คะแนน สังคมดี 3.20 คะแนน การงานดี 3.14 คะแนน สุขภาพเงินดี 2.85 คะแนนและใฝ่รู้ดี 2.74 คะแนน โดยในแต่ละมิติมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก
เมื่อจำแนกความสุขมวลรวมตามอาชีพการเกษตรหลัก พบว่า เกษตรกรที่ประกอบอาชีพการเกษตรหลักทุกประเภทมีความสุขมวลรวมอยู่ในระดับมาก โดยเกษตรกรที่ทำสวนผลไม้มีคะแนนเฉลี่ยความสุขมวลรวมสูงสุด เนื่องจากเดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงฤดูกาลผลไม้ออกสู่ตลาด เกษตรกรมีรายได้ประกอบกับในปีนี้ไม่ประสบปัญหาภาวะผลผลิตล้นตลาดจึงทำให้ได้ราคาที่ชาวสวนผลไม้พอใจ รองลงมาคือ เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยและเลี้ยงไก่เนื้อ โดยราคาอ้อยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยพอใจ ขณะที่ไก่เนื้อมีทิศทางการส่งออกที่ดีขึ้นภายหลังประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ยกเลิกมาตรการกีดกัน
นอกจากนี้ พบว่า เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีความสุขมวลรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับมากที่สุดด้วยคะแนนเฉลี่ย 3.35 จากคะแนนเต็ม 4 คะแนน ภายหลังจากได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว โดยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวส่วนใหญ่มีความสุขในระดับมากขึ้นไปคิดเป็นร้อยละ 88.6 สะท้อนให้เห็นว่า หลังจากเกษตรกรได้รับเงินแล้วเกษตรกรมีสภาพคล่องในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และมีความหวังในอาชีพทำนามากขึ้นหลังจากรอคอยเงินในโครงการฯ มาไม่ต่ำกว่า 6-8 เดือน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระดับความสุขของเกษตรกรส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับมากที่สุด
สำหรับเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี 2557 จะขยายตัว ร้อยละ 2.5-3.5 ต่อปี ปรับตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก อันเป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยดีขึ้น ส่งผลให้อุปสงค์ต่างประเทศผ่านภาคการส่งออกและอุปสงค์ภายในประเทศ ทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนสามารถขยายตัวได้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมือง การเร่งรัดจ่ายเงินโครงการจำนำข้าว ปีการผลิต 2556/2557 ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ใช้จ่ายในการลงทุนทางการเกษตรและการบริโภคภาคชนบท อีกทั้ง ผลจากการใช้จ่ายภาครัฐที่เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 และการอนุมัติแผนงบประมาณรายจ่ายปี 2558 ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 สนับสนุนให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ดีกว่าครึ่งปีแรก ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2557 จะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 1.6-2.4 ต่อปี
เศรษฐกิจการเกษตรไทยครึ่งหลังปี 2557 มีแนวโน้มจะขยายตัวร้อยละ 2.6-3.2 เนื่องจากการขยายตัวของผลผลิตพืชสำคัญ ได้แก่ ข้าวนาปี อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมันและผลไม้ ในครึ่งหลังของปี รวมถึงแนวโน้มผลผลิตไก่เนื้อ สุกร ไข่ไก่ ที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับกุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มที่ดีในการแก้ปัญหาโรคกุ้งตายด่วน (EMS) ทำให้ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยคาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง จะทำให้อุปสงค์ความต้องการสินค้าเกษตรในครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าเกษตรและส่งผลต่อเนื่องให้รายได้ของภาคเกษตรเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมัน ภัยแล้ง ภาวะน้ำท่วม และโรคระบาดที่อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรเสียหายได้
ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. คาดว่าในครึ่งหลังปี 2557 สินค้าเกษตรที่จะมีราคาสูงขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลัง อ้อยโรงงานและน้ำตาลทราย ไก่เนื้อ และสุกร สำหรับสินค้าเกษตรที่คาดว่าราคาจะลดลงเล็กน้อย ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และกุ้งขาวแวนนาไม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี