นายสัญชัย เกตุวรชัย รองอธิบดีฝ่ายก่อสร้าง กรมชลประทาน เปิดเผยว่า การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขณะนี้ในส่วนของเขื่อนหัวงานเสร็จไปแล้วกว่าร้อยละ 92 สามารถกักเก็บน้ำในฤดูฝนปีนี้ได้เต็มศักยภาพความจุของอ่างฯ ในระดับสูงสุดคือ 140.16 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) ซึ่งจะช่วยป้องกันและบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในเขต อ.พานทอง อ.พนัสนิคม อ.เกาะจันทร์ และ อ.เมือง จ.ชลบุรี
ทั้งนี้ที่ผ่านมาในฤดูฝนปี 2556 ที่ผ่านมา ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ฝนตกหนักในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองหลวง จ.ชลบุรีกรมชลประทานได้ใช้อ่างฯ คลองหลวง รับน้ำจากคลองหลวงไว้ในปริมาณถึง 70 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นปริมาณที่ไม่ทำให้เกิดผลกระทบใดๆ กับตัวเขื่อนหลักที่กำลังก่อสร้างอยู่ และผลจากการเก็บกักน้ำดังกล่าวปรากฏว่าช่วยลดระดับน้ำที่เคยท่วม อ.พนัสนิคม และ อ.พานทอง ลงกว่า 1 เมตร สามารถบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร คมนาคม และช่วยชุมชนตลอดจนเขตเศรษฐกิจ ลดความเสียหาย ได้อย่างน่าพอใจ
สำหรับอ่างฯ คลองหลวงนั้น กรมชลประทานเริ่มดำเนินก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2552 โดยมีจุดประสงค์หลัก
เพื่อการบรรเทาปัญหาอุทกภัยในฤดูฝนและปัญหาขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ของพื้นที่ลุ่มน้ำคลอง มีความจุในระดับกักเก็บ 98 ล้าน ลบ.ม. และสามารถกักเก็บสูงสุดได้ถึง 140.16 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเป็นการกักเก็บน้ำได้เต็มศักยภาพของลุ่มน้ำ โดยแต่ละปีจะมีน้ำไหลเข้าอ่างฯ ประมาณ 112 ล้าน ลบ.ม.
รองอธิบดีฝ่ายก่อสร้าง กล่าวต่อว่า สำหรับการก่อสร้างระบบส่งน้ำนั้น คลองส่งน้ำฝั่งขวาจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2557 นี้ จะเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้อีก 27,085 ไร่ ส่วนคลองฝั่งซ้ายอยู่ในระหว่างดำเนินการ ต้องใช้เวลาในการเจรจาขอใช้ที่ดินและเปลี่ยนแปลงแบบให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ที่เปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้อีกประมาณ 16,915 ไร่
ด้าน นายอุดม ทิพย์เดโช ผู้อำนวยการโครงการชลประทานชลบุรี เปิดเผยว่าอ่างฯ คลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จะช่วยขยายพื้นที่การเพาะปลูกพืชในหน้าแล้งให้กับเกษตรกรในทั้ง 4 อำเภอดังกล่าวข้างต้นอีกกว่า 6,000 ไร่ และในฤดูฝนจากที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้มากเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกน้ำท่วม ก็จะทำการเกษตรได้เต็มพื้นที่อีกประมาณ 44,000 ไร่
นอกจากนี้ ยังเป็นการรองรับความต้องการใช้น้ำในอนาคต จากการศึกษาคาดการณ์ได้ว่าในปี 2559 ความต้องการใช้น้ำเพื่อการเกษตรของลุ่มน้ำคลองหลวงจะอยู่ที่ 126 ล้านลบ.ม. โดยแบ่งเป็น ด้านอุปโภค-บริโภค 6 ล้านลบ.ม. ด้านอุตสาหกรรม 68 ล้านลบ.ม. รวม 200 ล้านลบ.ม. หากไม่มีการสำรองน้ำไว้ประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี