ผู้ค้าพัฒน์พงศ์โผล่แฉ
จ่ายส่วยตร.
โยง8กลุ่มใหญ่‘ไถเงิน’
ส่งโพยรายชื่อให้คสช.เชือด
โดดป้อง‘เสธ.เจมส์’มาช่วย
มทภ.1ฮึ่ม!ถ้าผิดฟันไม่เลี้ยง
ทหารยันมีหลักฐานแน่นปึ้ก
พบจนท.อีก12หน่วยงานเอี่ยว
ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม. 2 รอ.) และกองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ (ม.พัน.3 รอ.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ควบคุมตัวพล.ต.เจนณรงค์ เดชวรรณ หรือ เสธ.เจมส์ วัย 55 ปี ผู้ทรงคุณวุฒิประจำสำนักปลัดกระทรวงกลาโหมกับพวก รวม 5 คน หลังถูกร้องเรียนว่า มีส่วนพัวพันกับการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการย่านพัฒน์พงษ์ ถ.สีลม เขตบางรักนั้น
“เสธ.เจมส์”อ่วมส่อโดนวินัย-อาญา
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.)กล่าวว่า แม้จะเป็นนายทหารระดับสูง แต่ถ้าพบทำความผิดจริงก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย และเอาผิดทางวินัยด้วย กองทัพจะไม่ปกป้อง เพราะถ้าคิดจะช่วยเหลือกันก็คงไม่เข้าจับกุม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กลุ่มมาเฟียหรือผู้มีอิทธิพลหายไปเกือบหมดแล้ว เหลือไม่กี่รายที่พบว่าเป็นคนมีสี ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด และตนได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. รับทราบแล้ว
ปลัดกห.ลั่นผิดจริงโทษหนัก
เช่นเดียวกับ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหมที่ระบุว่า เบื้องต้นมอบให้นายทหารพระธรรมนูญของกระทรวงกลาโหมร่วมฟังการสอบสวน หากมีการกระทำความผิดก็ว่าไปตามกฎหมายและให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ดำเนินการตามกฎอัยการศึก
“ขอเตือนกำลังพลสังกัดกระทรวงกลาโหมทุกคน อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย เพราะคสช.จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยเฉพาะการปราบปรามกลุ่มมาเฟียและผู้มีอิทธิพล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมรู้สึกแปลกใจเพราะไม่น่าเชื่อว่าจะมีทหารกล้ากระทำการลักษณะดังกล่าว ทั้งที่คสช.ดำเนินการอย่างจริงจังกับเรื่องนี้ ถ้าผิดจริงคงรับโทษหนัก เพราะเป็นทหารและอยู่ในช่วงกฎอัยการศึก”พล.อ.สุรศักดิ์กล่าว
ทหารหอบหลักฐานแจ้งความ
วันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.พร้อมเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร เชิญตัวพล.ต.เจนรณรงค์ กับพวกรวม 5 คน มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน บก.ป.สอบปากคำแล้ว ได้ควบคุมตัวพล.ต.เจนรณรงค์ ไปกักตัวในเขตทหาร ส่วนพลเรือนทั้ง 4 คน ถูกกักตัวที่ห้องขัง บก.ป.โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก
จากนั้น พ.ท.บุรินทร์นำเจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับพล.ต.เจนรณรงค์กับพวก โดยนำหลักฐานประกอบด้วย เงินสด 27,000 บาท สำเนาธนบัตรที่กลุ่มผู้ค้าได้จ่ายเงินค่าคุ้มครอง โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง สมุดบัญชีที่จดรายชื่อแผงค้าและยอดเงิน และหน่วยความจำหรือฮาร์ดดิสกล้องวงจรปิดของโรงแรมตะวันนา ถนนสุรวงศ์ เขตบางรัก มามอบให้พนักงานสอบสวนเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดีด้วย
เปิดบัญชีส่วยรับ7แสน/เดือน
พ.ท.บุรินทร์กล่าวว่า กรณีพล.ต.เจนรณรงค์ กับพวก มีพฤติการณ์เรียกเก็บเงินค่าคุ้มครองจากพ่อค้าแม่ค้าที่ถนนพัฒน์พงศ์ พบรายละเอียดมีการจ่ายให้กัน แยกเป็นขนาดของแผงค้า เช่น แผงร้านขายนาฬิกา ความกว้าง 2 เมตร เก็บเงิน 10,000 บาท ร้านขายกระเป๋า เครื่องหนัง เก็บร้านละ 5,000 บาท ส่วนร้านขายของเบ็ดเตล็ด ร้านละ 2,000 บาท โดยร้านทั้งหมดมีอยู่ประมาณ 200 ร้านค้า รวมยอดเงินประมาณ 7 แสนบาทต่อเดือน ภายหลังรับเรื่องร้องเรียนแล้ว ตนปรึกษาผู้บังคับบัญชา ก่อนส่งเจ้าหน้าที่แฝงตัวเข้าไปสืบสวน
ยันมีหลักฐานรับเงินชัดเจน
พ.ท.บุรินทร์กล่าวต่อว่า หลังตรวจสอบข้อเท็จจริงระยะหนึ่งก็พบ มีการเรียกรับเงินดังกล่าวจริง และมีใครเกี่ยวข้อง เป็นคนเรียกเก็บเงินก่อนไปส่งให้ใคร กระทั่งพบข้อมูลมีทหารยศนายพล เข้ามาเกี่ยวพันด้วย แต่เจ้าหน้าที่ทหารที่แฝงตัวเข้าไปยังไม่มั่นใจในข้อมูลหลักฐาน จึงประสานผู้บังคับบัญชา ก่อนวางแผนจับกุม โดยแม่ค้าซึ่งเป็นคนจ่ายเงินให้ความร่วมมือจ่ายเงิน 2,000 บาท ที่มีการถ่ายสำเนาและไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือนทั้ง 4 คน จะคอยเดินเก็บเงิน มีพฤติกรรมคือ ผู้หญิงเป็นคนเก็บ ส่วนผู้ชายจะคอยยืนบัง แล้วจดใส่สมุดบัญชีว่าผู้ค้ารายใดจ่ายเงินแล้วบ้าง
แม่ค้าพัฒน์พงศ์พร้อมเป็นพยาน
“มีการเก็บเงินมาได้แล้ว 20,000 กว่าบาท จากนั้นก็เอาไปส่งให้พล.ต.คนนี้ ที่นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้โรงแรมตะวันนา เจ้าหน้าที่ซึ่งเฝ้าตามมาอยู่แล้ว จึงเข้าควบคุมตัวและยึดของกลางทั้งหมด ก่อนเข้าไปพบกับ พล.ต.คนดังกล่าว ระหว่างนั้นได้แจ้งตำรวจ สน.บางรัก เจ้าของท้องที่มาดำเนินการ ฉะนั้นหลักฐานส่วนนี้ก็มีอยู่ รวมทั้งแม่ค้าที่จ่ายเงินก็พร้อมเป็นพยานด้วย” พ.ท.บุรินทร์กล่าว
พบแบ่งส่วยให้อีก12หน่วยงาน
และว่า จากการตรวจสอบหลักฐานที่พบ ยังมีการระบุด้วยว่าเงินที่ได้มานั้น นำไปจ่ายให้เจ้าหน้าที่อีก 12 หน่วยงาน เป็นยอดที่เขาอ้างว่ามีการส่งให้ นอกจากนี้ แม่ค้าที่เป็นพยานยังเปิดเผยด้วยว่า จำเป็นต้องจ่ายเงิน ถ้าไม่จ่ายก็ขายของไม่ได้ เพราะจะถูกกลั่นแกล้ง แล้วยังพบหลักฐานอีกส่วนคือ การออกสติ๊กเกอร์ในนาม ศูนย์ประสานงานราชการจัดระเบียบถนนพัฒน์พงศ์ นำไปแจกจ่ายให้กลุ่มผู้ค้า เหมือนเป็นการอ้าง คสช.จัดระเบียบต่างๆ ซึ่งหลังรวบรวมหลักฐานต่างๆแล้ว ยังน่าขยายผลได้ถึงเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆที่กับเจ้าหน้าที่ ก็ยังต้องส่งอีก
จ่อตั้งข้อหากรรโชกทรัพย์
ขณะที่พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เผยว่า หลังมีการร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว พนักงานสอบสวนจะเรียกพยานมาสอบสวน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กลุ่มผู้ค้าที่จ่ายเงินค่าคุ้มครอง สำหรับการแจ้งข้อหานั้น เบื้องต้นน่าจะเข้าข่ายความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ แต่จะพิจารณาตามข้อกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง พร้อมขยายผลหาตัวผู้กระทำผิด หากเชื่อมโยงถึงใครก็ดำเนินคดีทุกราย ยืนยันจะดำเนินการอย่างรอบคอบรัดกุม และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
ขยายผลสอบขบวนการรีดส่วย
“จากนี้จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และขยายผลว่ามีใครเกี่ยวข้องอีก เท่าที่ตรววจสอบเบื้องต้นพบกลุ่มคนดังกล่าวกระทำการมานานพอสมควร ทั้งนี้ จะเสนอผู้บังคับบัญชาตั้งเป็นคณะพนักงานสอบสวน บก.ป.ในการดำเนินคดี ในส่วนทหารที่ทำความผิดต่อพลเรือนเป็นคดีอาญา ก็ต้องขึ้นศาลพลเรือน รวมทั้งฐานความผิดก็ยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะไปดำเนินคดีในศาลทหาร”พ.ต.อ.ประสบโชคกล่าว
หลักฐานมัดแน่นดิ้นไม่หลุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า พยานหลักฐานต่างๆมีเพียงพอหรือไม่ รอง ผบก.ป.กล่าวว่า หลักฐานที่ได้รับมาต้องตรวจสอบก่อน แต่เบื้องต้นพยานหลักฐานที่มีก็ค่อนข้างแน่นหนาพอสมควร มีทั้งเงินที่ยึดมาและการแจ้งลงบันทึกประวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตลอดทั้งวันญาติของกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาทยอยเดินทางมาเยี่ยมพร้อมนำข้าวปลาอาหารมาให้ ซึ่งสิบเวรประจำห้องขัง บก.ป.ได้ทำความเข้าใจช่วงเวลาเข้าเยี่ยมและข้อปฏิบัติต่างๆ โดยผู้สื่อข่าวสอบถามว่าคืนที่ผ่านมาทั้งหมด นอนหลับกันดีหรือไม่ ทางสิบเวรปฏิเสธที่จะตอบอ้างเพียงว่าเพิ่งมาต่อเวรจากเจ้าหน้าที่คนก่อนจึงไม่ทราบ
ผู้ค้าโผล่ปกป้อง”เสธ.เจมส์”
วันเดียวกัน ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ตลาดพัฒน์พงศ์ไนท์บาซ่าร์ จำนวนหนึ่งเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้พล.ต.เจนรณรงค์ และพวกอีก 4 คน โดยระบุว่า กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเดือดร้อนจากกลุ่มมาเฟียที่เรียกเก็บค่าคุ้มครอง เป็นจำนวนมาก และถูกกดข่มเหงมานานร่วม 20 ปี จึงรวมตัวไปร้องเรียนตามที่ต่างๆให้เข้ามาช่วยเหลือ แต่ในที่สุดขอให้พล.ต.เจนรณรงค์ เข้ามาจัดการกลุ่มมาเฟีย แต่ล่าสุดก็ถูกมาเฟียกลั่นแกล้ง โดยไปแจ้งยัง คสช. ให้วางแผนจับกุม ทั้งที่ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงขอให้ คสช.ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ส่งโพยขบวนการส่วยให้คสช.
“เสธ.เจมส์เป็นคนเข้าช่วยเหลือและจัดระเบียบในตลาด ถ้าผมเป็นคนเสียผลประโยชน์ถูกเก็บค่าคุ้มครองจากเสธ.เจมส์จริง จะรวมตัวมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้เขาทำไม”ตัวแทนพ่อค้ากล่าว และระบุด้วยว่า ได้เก็บเงินส่งตำรวจบางรายใน กทม. ซึ่งได้ยื่นรายชื่อแนบกับเอกสารมายัง คสช.ให้รับทราบด้วย
อย่างไรก็ตาม กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าไม่ได้ให้คำตอบว่า เหตุใดจึงขอให้พล.ต.เจนณรงค์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ทรงคุณประจำสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เข้ามาจัดการกลุ่มมาเฟีย จากนั้นกลุ่มดังกล่าวเดินทางไปยื่นหนังสือที่กองบัญชาการกองทัพบกต่อไป
แฉกลับทหารไป-จ่ายตร.แทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือที่กลุ่มผู้ค้ายื่นถึงพล.อ.ประยุทธ์นั้น มีเนื้อหาโดยสรุปว่า หลังคสช.ประกาศนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล และทหารกลุ่มเก่าได้ออกไป เกิดเหตุการณ์ที่แม่ค้ารวมตัวกันเพื่อเก็บเงินมาจ่ายให้ตำรวจซึ่งแบ่งเป็น8กลุ่ม โดยกลุ่มแรกจ่ายเงิน 400,000+30,000 บาท ให้นายตำรวจรวมถึง รองตั๊ก หมวดโต หมวดเปี๊ยก หมวดวิทย์ หมวดอำนวย หมวดถนอม หมวดอนันต์ หมวดมงคล หมวดไกรศรี
ปูดแหลกมีกองปราบด้วย
ขณะที่กลุ่มที่ 2.จ่ายให้สารวัตรโรจน์ 12,000 บาท กลุ่ม 3.เปิ้ล เฉพาะกิจ 30,000 บาท กลุ่ม4.ผกก.แบงค์ ซึ่งประกอบด้วย สารวัตรหนุ่ม 150,000 บาท รองโต๊ด 30,000 บาท กลุ่ม 5. หมวดหวิน 20,000 บาท กลุ่ม 6.หมวดถนอม เฉพาะกิจ 20,000 บาท กลุ่ม 7. สว.หมอ 20,000 บาทและกลุ่ม 8 กองปราบ 20,000 บาท
หนังสือดังกล่าวยังระบุด้วยว่า นอกจากนั้น ยังมีการเรียกเก็บค่าต่างด้าว ซึ่งทุกหน่วยเรียกเก็บผลประโยชน์ โดยมีการจับกุมและตบทรัพย์จากแรงงานต่างด้าว ปัจจุบันมีการระดมจับ เพื่อเพิ่มยอดจ่ายและเพื่อให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลมาเก็บตามเดิม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี