ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รายชื่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสนช. จำนวน 200 ได้รับการโปรดเกล้าฯลงมาเรียบร้อย ตามโรดแมประยะที่ 2 ของคสช.(คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ)
รายชื่อที่ประกาศออกมา ก่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะเรื่องสัดส่วนสมาชิกสนช.จำนวนมากกว่าครึ่งที่มาจากเหล่าทัพต่างๆไม่ว่าทหาร-ตำรวจ ทั้งที่ยังรับราชการอยู่ หรือเกษียณไปแล้ว แม้ว่าบรรดาผู้ที่เอาใจช่วย คสช. จะช่วยแก้ต่างให้ว่า เป็นเพราะภารกิจของสนช.ในยุคนี้ จะต้องออกกฎหมายต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อการปฏิรูปประเทศตามทิศทางที่ คสช.ต้องการ ดังนั้นแน่นอนว่า ยอมต้องเลือกใช้คนที่ไว้ใจได้เป็นหลัก
ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว ถึงแม้สนช.ในส่วนที่ไม่ใช่มาจากคนในเครื่องแบบ ส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่เชื่อใจได้ว่า จะปฏิบัติภารกิจในแนวทางที่ คสช.ต้องการอย่างแน่นอน
ตามข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรา ได้จำแนกหมวดหมู่-แบ่งสายของสมาชิกสนช.ชุดนี้ออกได้เป็น 1.ตำรวจ-ทหาร-คนสนิทของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. 103 คน 2.อาจารย์-อธิการบดีมหาวิทยาลัย 13 คน 3.อดีตสมาชิกองค์กรอิสระและอดีต สว.(สมาชิกวุฒิสภา) 44 คน 4.ข้าราชการ 31 คน และ 5.เครือข่ายนักธุรกิจ 9 คน
ที่น่าสนใจสำหรับคนในแวดวงเกษตรก็คือ มีสมาชิก สนช.ที่มาจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพียงหนึ่งเดียวจากสายข้าราชการ 31 คน นั่นคือ นายวิทยา ฉายสุวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ ท่ามกลางความทึ้ง ถึงขนาดมีบางคนตั้งคำถามว่า มาได้ไงเนี่ย
ดูจากการทำงานในอดีตที่ผ่านมาของนายวิทยา ก็ไม่ได้หวือหวาเป็นที่รู้จักอะไรมากนัก ก่อนหน้านี้เคยเป็นรองอธิบดีกรมข้าว หรือไล่ไปยาวๆ เคยเป็นอัครราชทูตที่ปรึกษา(ฝ่ายการเกษตร) สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ส่วนตำแหน่งผู้ตรวจราชการฯเป็นมาตั้งแต่ปี 2552 เพียงแต่ช่วงนี้เริ่มได้รับการโปรโมทบทบาทในกระทรวงขึ้นมา โดยท่านปลัดฯชวลิต ชูขจร มอบหมายงานให้เป็นตัวหลัก หัวหน้าคณะทำงานด้านการตรวจสอบต้นทุนการผลิต เพื่อรองรับภารกิจสำคัญที่กระทรวงเกษตรฯได้รับมอบหมายจากคสช.ให้หาทางช่วยเหลือเกษตรกรโดยเฉพาะชาวนาในเรื่องของการลดต้นทุนการผลิต
มีข้อมูลในเชิงลึกบางกระแสยืนยันว่า นายวิทยาเป็นข้าราชการผู้หนึ่งที่สนับสนุนให้มีการปฏิรูป สนับสนุน กปปส.ในการเรียกร้องต่อสู้ของมวลมหาประชาชนที่ผ่านมา เพียงแต่ไม่ได้ออกหน้าออกตามาเคลื่อนไหวเท่านั้น
แต่การที่ได้รับเลือกจากคสช.ให้เป็นสนช.หนึ่งเดียวของกระทรวงเกษตรฯนั้น น่าจะมาจากความไว้วางใจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นสำคัญ เพราะเมื่อตรวจสอบดู ก็พบว่า เขานั้นเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของบิ๊กตู่ ในการอบรมหลักสูตร วปอ.รุ่น 50-ปรอ.รุ่น 20 ที่ร่วมเรียนกันมาเมื่อปี 2550-2551 และปรากฏว่า เพื่อนร่วมรุ่นอีกหลายคนที่ได้รับเลือกให้เป็นสนช.ด้วย
จะอย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นหนึ่งเดียวของข้าราชการกระทรวงเกษตรฯที่มีโอกาสเข้าไปทำงานในฐานะ สนช. ก็หวังว่า จะมีบทบาทเป็นตัวหลักในการผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นประโยชน์กับเกษตรกรออกมาให้ได้มากที่สุดก็แล้วกัน
ต่อจากเรื่อง สนช.ตามโรดแมป คสช.ระยะ 2 ที่จะตามภายในสิงหาคมถึงกันยายนนี้ ก็คือ เรื่องตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ซึ่งผมได้เขียนถึงเรื่องที่คนในแวดวงเกษตรพากันเคลื่อนไหวเสนอแนวทางการปฏิรูปภาคเกษตรไป 2 ตอนติดต่อกันก่อนหน้านี้ แต่พอตรวจสอบถึงเรื่องที่คสช.ได้มอบภารกิจการปฏิรูปให้สปช. พบว่าได้วางไว้ 11 ประเด็น อาทิ ปฏิรูปการเมือง,ปฏิรูปแก้ไขการทุจริตคอรัปชั่น,ปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน,ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม,ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ,ปฏิรูปการศึกษา,ปฏิรูปสื่อ,ปฏิรูปพลังงาน เป็นต้น ไม่มีพูดถึงปฏิรูปการเกษตรโดยตรงเลย มีที่อาจเกี่ยวข้องบ้างก็คือ ปฏิรูปเรื่องจัดสรรทรัพยากรที่ดิน,ป่าไม้และน้ำ และการปฏิรูปอื่นๆ
ทั้งๆที่การเกษตรคือ อาชีพหลักของชาติ และเกษตรกรคือคนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ยังมีปัญหาต้องได้รับการปฏิรูปอีกมาก เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน...แล้วไฉนไม่บรรจุเรื่องปฏิรูปภาคเกษตรให้เป็นอีกเรื่องหลักสำคัญ ที่จะต้องทำในวาระแห่งชาติครั้งนี้ด้วยเล่า
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี