ชาญพิทยา ฉิมพาลี
โครงการหมู่บ้านชุมชนต้นแบบการลดต้นทุนการผลิตข้าว เป็นโครงการที่กรมการข้าวเตรียมพร้อมเพื่อการรองรับประชาคมอาเซียน ในปี 2558 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันการค้าข้าวของประเทศไทย โดยการลดต้นทุนการผลิตข้าว และรักษาคุณภาพข้าวเปลือกจากหมู่บ้านที่เข้มแข็งสามารถขยายผลไปถึงชุมชนรอบข้างนำไปปรับใช้ และพัฒนาองค์กรของชาวนาให้เข้มแข็งต่อไป
นายชาญพิทยา ฉิมพาลี อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า โครงการนี้ นับว่าสอดคล้องกับนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เน้นแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนด้วยการลดต้นทุนการผลิต โดยที่ผ่านมา กรมการข้าวได้ดำเนินการจัดทำแปลงเรียนรู้และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม จนสามารถลดต้นทุนการผลิตข้าวและเพิ่มผลผลิตข้าวได้ รวมทั้งฝึกอบรมเกษตรกรให้เรียนรู้ชุดเทคโนโลยีในขั้นตอนพื้นฐาน ทำให้เกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ปัจจัยการผลิต ในการปลูกข้าวที่ถูกต้องและเหมาะสมจนสามารถค้นหาวิธีการที่ดีที่สุดเป็นชุดเทคโนโลยีของตนเองได้
ศูนย์ข้าวชุมชนตำบลเวียงเหนือ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ถือเป็นต้นแบบแห่งความสำเร็จในการลดต้นทุนการผลิตที่เป็นรูปธรรมชัดเจน จากเดิมที่เกษตรกรทำนาโดยวิธีแบบเดิมๆ ใช้ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง เมล็ดพันธุ์จากต่างถิ่น ทำให้ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ไร่ละ 6,200 บาท แต่หลังจากดำเนินการลดต้นทุนการผลิตมาได้เพียงปีเศษ ต้นทุนการผลิตลดลงเหลือเพียงไร่ 2,000-3,000 บาทเท่านั้น ทั้งนี้ ศูนย์ข้าวชุมชนตำบลเวียงเหนือ ถือเป็นศูนย์ข้าวชุมชนน้องใหม่ ที่กรมการข้าวส่งเสริมเพื่อให้ชุมชนผลิตเมล็ดข้าวคุณภาพให้เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ เนื่องจากที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า หน่วยงานราชการอย่างกรมการข้าวเองผลิตเมล็ดข้าวคุณภาพไม่เพียงพอกับความต้องการ ทำให้เกษตรกรต้องไปซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวจากบริษัทเอกชน และบางพื้นที่เกษตรกรได้เมล็ดพันธุ์ที่ด้อยคุณภาพอีกด้วย
ทวี ชาวสวน
นายทวี ชาวสวน ประธานศูนย์ข้าวชุมชนตำบลเวียงเหนือ หมู่ 4 ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย จ.เชียงรายเล่าว่า ได้เริ่มก่อตั้งศูนย์ข้าวชุมชนฯ เมื่อปี 2556 โดยกรมการข้าว และกรมส่งเสริมการเกษตร ได้บูรณาการร่วมกันตามโครงการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพศูนย์ข้าวชุมชนในพื้นที่กว่า 530 ไร่ เพื่อส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีสู่ชาวนาอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง นอกจากนี้เพื่อเป็นศูนย์กลางการพัฒนาข้าวของชุมชน และพัฒนาชาวนา รวมถึงองค์กรชาวนาให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมดประมาณ 30 คน
นายทวีบอกอีกว่า ศูนย์ข้าวชุมชนตำบลเวียงเหนือ จะเน้นการผลิตเมล็ดพันธุ์เพื่อจำหน่ายให้แก่สมาชิก และเกษตรกรในบริเวณใกล้เคียง โดยในระยะแรกได้รับการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ขยายจากกรมการข้าว จำนวน 3 ตัน ส่วนใหญ่จะเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าว กข.47 ปลูกในพื้นที่ 200 ไร่ ได้เมล็ดพันธุ์ 85 ตัน แต่ปีนี้เพิ่มพื้นที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว กข.47 จำนวน 260 ไร่ ข้าวเหนียว กข.6 จำนวน 195 ไร่ กข.49 จำนวน 60 ไร่ พันธุ์ กข.14 จำนวน 20 ไร่ ข้าวหอมดอกมะลิ 501 จำนวน 25 ไร่ ส่วนพื้นที่เหลืออีกส่วนหนึ่งมีพันธุ์ กข.15 และข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นต้น ตั้งเป้าปีนี้จะผลิตเมล็ดพันธุ์ 115 ตัน
“หลังจากที่ตั้งศูนย์ข้าวชุมชนฯขึ้นมา จะเน้นการทำนายึดตามสูตรของโรงเรียนชาวนา โดยการทำปุ๋ย น้ำหมักชีวภาพ และฮอร์โมนที่ทำกันเอง การดำนาจะใช้วิธีโยนกล้าทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำ เฉลี่ยแล้วต้นทุนไม่เกิน 3,000 บาท อย่างข้าวเหนียวพันธุ์ กข.6 จะได้ผลผลิต ไร่ละ 650-700 กิโลกรัม ข้าวพันธุ์ กข.49 จะได้ผลผลิตไร่ละ 800 กิโลกรัม ถ้าข้าวราคาอยู่ที่ ตันละ 7,000 บาท เกษตรกรจะมีกำไรไร่ละ 2,500-3,000 บาท โดยเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ศูนย์ผลิตนั้น จะขายให้ในราคาที่กรมการข้าวกำหนด กิโลกรัมละ 22 บาท” นายทวี กล่าว
ศูนย์ข้าวชุมชนตำบลเวียงเหนือ นับเป็นศูนย์ข้าวชุมชนต้นแบบ ที่สามารถผลิตข้าวคุณภาพดี ที่ใช้ต้นทุนการผลิตต่ำ เพราะนอกจากเกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มแล้ว ยังสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี