BEDO ขยายพื้นที่ลงนามปฏิญญา“ว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพและ ภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน” ครอบคลุมทั่วไทย หลังประสบความสำเร็จตลอด 2 ปีที่ผ่านมาลงพื้นที่ชุมชน ตำบลบ่อ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ร่วมกับ 31 ภาคีเครือข่ายลงนามปฏิญญาตำบลบ่อ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพในท้องถิ่น โดยเฉพาะ “ขลู่” สมุนไพรพื้นบ้านในท้องถิ่น สู่การสร้างเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน
นายเสมอ ลิ้มชูวงศ์ ที่ปรึกษา (ด้านการจัดการชุมชน) สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) เผยว่า BEDO ได้จัดกิจกรรมปฏิญญาประจำปี 2557 เพื่อเป็นต้นแบบและพัฒนาภาคีเครือข่ายเพื่อขยายผล ตลอดจนสื่อสารและสร้างกระแสให้สังคมรับรู้ และตระหนักถึงการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืนต่อไป โดยในครั้งนี้เราเห็นถึงความเข้มแข็งของชุมชนตำบลบ่อ BEDO จึงเข้ามาสนับสนุนการดำเนินงานต่างๆ ตั้งแต่แรกเริ่ม โดยได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายต่างๆ ในการสนับสนุนทั้งในรูปแบบการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งให้องค์ความรู้ต่างๆ แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเทศบาลตำบลบ่อ และชาวชุมชนตำบลบ่อ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นชุมชนสังคมชนบท ประชาชนส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ประมง และรับจ้าง มีความผูกพันธุ์เป็นพี่เป็นน้อง มีลักษณะเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ยืดมั่นในธรรมเนียมประเพณีศาสนา มีวัดเป็นศูนย์กลางรวมจิตใจของชุมชน รวมทั้งใช้ประกอบกิจกรรม พิธีกรรมต่างๆ โดยมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเทศบาลตำบลบ่อ ที่นำทรัพยากรชีวภาพในพื้นที่มาพัฒนาเพิ่มมูลค่าของทรัพยากร โดยเน้นการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งแบ่งปันผลกำไรส่วนหนึ่งคืนสู่การอนุรักษ์ทรัพยากรชุมชน และในพื้นที่ยังมีพื้นที่ป่าชายเลนที่สมบูรณ์ ที่พบว่ามี “ต้นขลู่” ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งชาวชุมชนมีความเชื่อหรือวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่เกี่ยวกับนำขลู่ซึ่งเป็นพืชสมุนไพร มาใช้ในชีวิตประจำวันโดยนำมาบริโภคเป็นเครื่องเคียง ใช้จิ้มกับน้ำพริก ลาบ หรือใส่ในแกงส้ม ใส่ในไข่เจียว ฯลฯ นอกจากนี้ ยังสามารถนำมาชงดื่ม โดยมีสรรพคุณในการลดความดันโลหิต และขับปัสสาวะ ฯลฯ
กลุ่มวิสาหกิจฯ ได้ริเริ่มขึ้นเมื่อกลุ่มผู้นำชุมชน และแกนนำชุมชน ได้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมจัดทำแผนการจัดการทรัพยากรชีวภาพระดับชุมชนและท้องถิ่น ในปี 2551 ซึ่งหลังจากที่ได้เข้าร่วมเวทีชุมชนจึง ทำให้ชุมชนมองเห็นถึงประโยชน์จากฐานทรัพยากรชีวภาพในชุมชน ประกอบกับในพื้นที่ตำบลบ่อมีสถานที่ท่องเที่ยว คือ ศูนย์เรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าชายเลนลุ่มน้ำเวฬุ โดยมีนักท่องเที่ยวและผู้ที่สัญจรมาเยี่ยมชมป่าชายเลน หิ่งห้อยและเหยี่ยวแดง พร้อมทั้งมาทำกิจกรรมปลูกป่า จึงเกิดแนวคิดที่การรวมกลุ่ม เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ ให้กับคนในชุมชน จึงทำให้เกิดการก่อตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเทศบาลตำบลบ่อ โดยมีสมาชิกแรกตั้งจำนวน 12 คน ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 86 คน และได้ดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากฐานทรัพยากรชีวภาพในชุมชน คือ ขลู่ โดยแปรรูปและพัฒนาเป็นสินค้า ได้แก่ ชาขลู่ สบู่ขลู่ แชมพูขลู่ เกลือขัดผิวขลู่ จนได้รับ “ตราส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากฐานทรัพยากรชีวภาพ” จากสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) ที่มอบให้แก่ผู้ผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ 3 ประการ คือ 1. การใช้ทรัพยากรชีวภาพในชุมชนเป็นวัตถุดิบ 2. กระบวนการผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3. มีการนำรายได้ไปอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรชีวภาพ
นอกจากนี้กลุ่มวิสาหกิจฯ ยังได้ดำเนินการยื่นขอการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานอาหารและยา พร้อมพัฒนาด้านฉลากและบรรจุภัณฑ์ให้สวยงามได้มาตรฐาน ส่งเสริมกิจกรรมปลูกอนุรักษ์ฟื้นฟูพืชวัตถุดิบให้เพียงพอ โดยตั้งเป้าหมายการขยายพื้นที่ปลูกขลู่กว่า 10,000 ต้น เพื่อให้ชุมชนมีเศรษฐกิจที่ยั่งยืนจากทรัพยากรชีวภาพและเป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านสมุนไพร “ขลู่” ในชุมชนและชุมชนอื่นๆที่สนใจต่อไป
ในส่วนของการลงนามปฏิญญาตำบลบ่อในครั้งนี้ เป็นพื้นที่แห่งที่ 12 ที่ทาง BEDO ได้จัดกิจกรรมขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2555 โดยเริ่มจาก “ปฏิญญาคุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ” เพื่อร่วมแสดงเจตนารมณ์ในการอนุรักษ์พื้นที่สีเขียวแห่งสุดท้ายใกล้กรุง และอนุรักษ์วัฒนธรรมชาวมอญ “ปฏิญญาคลองประสงค์ จ.กระบี่” พื้นที่นำร่องการตอบแทนคุณระบบนิเวศเพื่อความมั่นคงยั่งยืนของบริการระบบนิเวศแห่งแรกของประเทศไทย
และสืบเนื่องถึงการดำเนินงานกิจกรรมการลงนามปฏิญญาฯ ของ BEDO ในปี 2556 ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีผู้ร่วมลงนามปฏิญญา “ว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพ และภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน” จาก 7 พื้นที่ จำนวนกว่า 236 หน่วยงานภาคีเครือข่าย และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 350 คน ซึ่งสุดท้ายสมาชิกจาก 7 พื้นที่ปฏิญญา ปี 2556 และสมาชิกจาก 2 พื้นที่ปฏิญญาปี 2555 ได้มีส่วนร่วมแสดงเจตนารมณ์ที่การประชุมสมัชชาแห่งชาติ ในงานมหกรรมทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นประจำปี 2556 ซึ่งการจัดงานมหกรรมดังกล่าวเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์สำนักงานฯ พร้อมกับเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่างๆ ในการให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้รับรู้และเกิดความภาคภูมิใจต่อการแสดงออกในจุดยืนของการหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมทั้งมีกิจกรรมภายหลังเพื่อต่อยอดการลงนามในปฏิญญาของแต่ละพื้นที่ ซึ่งในการแสดงเจตนารมณ์ของสมาชิกปฏิญญาทั้ง 9 พื้นที่ได้ตกลงร่วมกันที่จะดำเนินงาน “โครงการป่าครอบครัวเพื่อการพึ่งพาตนเองและความมั่นคงทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น ประจำปี 2557” เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกเครือข่ายสามารถลดรายจ่ายและสร้างรายได้จากผลิตผลของป่าครอบครัว ตลอดจนเป็นแหล่งอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในระดับประเทศต่อไป
สำหรับในปีงบประมาณ 2557 BEDO ได้ขยายพื้นที่การจัดทำ “ปฏิญญา” ให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย 3 พื้นที่ ได้แก่ ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก , ต.สำราญ อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ และ ต.ตำบลบ่อ อ.ขลุง จ.จันทบุรี ในครั้งนี้ ที่ BEDO ได้จัดพิธีลงนามปฏิญญาตำบลบ่อ “ว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน” ร่วมกับ 31 ภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย อำเภอขลุง, เทศบาลตำบลบ่อ, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดจันทบุรี, สำนักงานเกษตรอำเภอขลุง , ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอขลุง , ส่วนบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนที่ 1 (ชลบุรี), โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ่อ, คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี, โรงเรียนบ่อวิทยาคาร, โรงเรียนขลุงรัชดาภิเษก, โรงเรียนมิตรภาพ ๒๐, โรงเรียนบ้านบ่อ, โรงเรียนบ้านทรัพย์สินพูน, ศูนย์เรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ท่าสอน บางชัน, สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน จังหวัดจันทบุรี, สภาองค์กรชุมชนตำบลวันยาว, สภาองค์กรชุมชนตำบลบ่อ, กำนันตำบลบ่อ, ชุมชนหมู่ที่ 1-5 และ หมู่ที่ 7-10 ตำบลบ่อ , กลุ่มวิสาหกิจชุมชนพัฒนาทรัพยากรชีวภาพตำบลวันยาว และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเทศบาลตำบลบ่อ
ชุมชนตำบลบ่อ อำเภอขลุง และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน มีเจตนารมณ์ที่ดำเนินการร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ในด้านการบริหารจัดการ อนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรฐานชีวภาพ เพื่อให้เกิดความสมดุล ระหว่างการใช้ประโยชน์และการรักษาไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ในพื้นที่ตำบลบ่อ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี และ BEDO มีเจตนารมณ์ที่ร่วมจะดำเนินการเพื่อให้การอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรฐานชีวภาพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน จึงได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือและร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 เราจะร่วมกันศึกษา คัดเลือก ขยายพันธุ์และอนุรักษ์พืชสมุนไพร พืชอาหาร และพืชใช้สอยที่เหมาะสม โดยการทำแปลงสาธิต ปลูกเพิ่มทั้งในพื้นที่ชุมชน พื้นที่ส่วนบุคคล และพื้นที่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง
ข้อ 2 เราจะร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟู ส่งเสริม ดูแลแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งในพื้นที่ชุมชนและพื้นที่สาธารณะ และรักษาไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อคงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ข้างต้นอย่างยั่งยืน
ข้อ 3 เราจะร่วมกันพัฒนาและใช้ประโยชน์พืชสมุนไพร พืชอาหาร และพืชใช้สอย พร้อมกับการบันทึกและสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่รุ่นต่อรุ่น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนต่อไป
ข้อ 4 เราจะร่วมกันพัฒนาและส่งเสริมกิจกรรมของชุมชน ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืนสู่การขยายผลในพื้นที่ใกล้เคียง และชุมชนเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง
ข้อ 5 เราจะร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่น หรือทรัพยากรในท้องถิ่นให้มีคุณภาพ ด้วยกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ในชุมชน รวมทั้งส่งเสริมด้านการตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน
“และที่สำคัญในเดือนสิงหาคม 2557 นี้ BEDO จะจัดกิจกรรมสมัชชารวบรวมชุมชนที่มีปฏิญญา จากพื้นที่ ทั้งหมด 12 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่คุ้งบางกะเจ้า จ.สมุทรปราการ, ต.คลองประสงค์ อ.ขลุง จ.กระบี่, ต.น้ำเกี๋ยน อ.ภูเพียง จ.น่าน, ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี, ต.กุดบาก อ.กุดบาก จ.สกลนคร, ต.ตำบลบ่อ อ.ขลุง จ.จันทบุรี, ต.สำราญ อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์, ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก และ 4 พื้นที่ของโครงการบริหารจัดการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่าง ประกอบด้วย ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี, ต.ดงบัง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี, ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง และ ต.บางวัน อ.คุระบุรี จ.พังงา เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนด้านการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรชีวภาพอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไป” นายเสมอ ลิ้มชูวงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี