สื่อญี่ปุ่นแฉพ่ออุ้มบุญ
ปั้ม”ทารก”
ตั้งเป้าให้ได้”1,000”คน
มาจ้างหญิงไทย10-15รายต่อปี
ชี้ถือพาสปอร์ตกว่า10ประเทศ
บช.น.เตรียมออกหมายจับแล้ว
บุกค้นอีกคลีนิคเถื่อนแถวสาทร
ความคืบหน้าการติดตามตัวนายมิตสึโตกิ ชิเกตะ อายุ 24 ปีชาวญี่ปุ่น หลังตกเป็นข่าวเป็นผู้ว่าจ้างหญิงไทยอุ้มบุญ โดยนำเด็กออกจากประเทศไทยไปแล้ว 3 คน รวมถึงการติดตามดำเนินคดีกับสถานพยาบาลข้อหาเปิดดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต และแพทย์ที่ทำการอุ้มบุญโดยไม่แจ้งต่อสูตินารีเวชแห่งประเทศไทย
โดยสำนักข่าวเจแปน ไทมส์รายงานอ้างคำให้สัมภาษณ์ของมาเรียม คูคูนาส-วิล ผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายนิว ไลฟ์ โกลบอล เน็ตเวิร์ค (New Life Global Network)เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า นายมิตซึโตกิ ชิเกตะ ชายชาวญี่ปุ่น วัย 24 ปี ผู้ปกครองเด็กอุ้มบุญที่ตำรวจไทยต้องการตัวเข้าให้ปากคำเคยเข้ามาพูดคุยถึงความต้องการว่าจ้างอุ้มบุญ ทางเครือข่ายฯจึงเสนอการให้บริการด้านนี้ ซึ่งมีทั้งในประเทศไทย จอร์เจียและประเทศอื่น โดยเสนอแม่อุ้มบุญ 2 คนให้นายชิเกตะ และเมื่อปี 2013 แม่อุ้มบุญทั้ง 2 คน ได้คลอดเด็ก 3 คน เป็นฝาแฝด 1 คู่
แฉหนุ่มยุ่นตั้งเป้าอุ้มบุญพันคน
มาเรียมเผยต่อว่า ต่อมานายชิเกตะแจ้งความประสงค์ผ่านเจ้าหน้าที่เครือข่ายมาอีกว่า ช่วยหาแม่อุ้มบุญให้อีก 3 คนตามที่ต่างๆ โดยระบุว่าต้องการว่าจ้างอุ้มบุญ 10-15 คนต่อปี และวางแผนว่าจะมีจำนวนเด็กอุ้มบุญ 100-1,000 คน สิ่งหนึ่งที่นายชิเกตะเคยพูดคือ สิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถทำให้โลกใบนี้ได้คือ การมีเด็กมากๆ แต่ตนปฏิเสธคำขอนั้น เพราะเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของนายชิเกตะ
เคยแจ้งให้ตร.สากลตรวจสอบ
ผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายนิวไลฟ์ฯกล่าวอีกว่า จากนั้นเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2013 ตนส่งอีเมล์ถึงนายชิเกตะ แสดงความกังวลในเรื่องดังกล่าว และได้รับอีเมลตอบกลับจากทนายความของนายชิเกตะว่า เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะสามารถมีเด็กได้มากเท่าที่ต้องการ ตนจึงรายงานไปยังสถานทูตญี่ปุ่นในจอร์เจีย และตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพลทางอีเมล ซึ่งสถานทูตญี่ปุ่นในจอร์เจีย ตอบกลับเพียงว่า ให้รอการตรวจสอบของตำรวจสากล นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของเครือข่ายฯยังเปิดเผยด้วยว่า นายชิเกตะมีพาสปอร์ตของประเทศต่างๆถึง 10 ประเทศ รวมถึงญี่ปุ่น กัมพูชาและจีนด้วย
บช.น.เตรียมออกหมายจับ”ชิเกตะ”
ขณะที่แหล่งข่าวซึ่งเป็นหนึ่งในทีมสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)ของไทยเผยว่า พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมเอกสาร เพื่อแจ้งความกับนายชิเกตะ ข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม แจ้งความเท็จ ใช้เอกสารอันเป็นเท็จในการแจ้งเกิด กรณีแจ้งความเท็จว่าเป็นพ่อเด็ก แล้วไปขออนุญาตจดทะเบียนเป็นบิดา หรือเป็นผู้ปกครองของเด็ก ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถขออนุมัติศาลหมายจับได้เร็วๆ นี้
บุกคลินิกทำเด็กหลอดแก้วสาทร
ด้านพ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) กล่าวถึงการเข้าตรวจสอบคลินิกชื่อนิวไลฟ์ ไอวีเอฟ ไทยแลนด์ ชั้น 18 ของอาคารบางกอก ซิตี้ ทาวเวอร์ ถนนสาทร กทม. หลังได้รับเบาะแสว่าเปิดให้บริการรับทำเด็กหลอดแก้วผิดกฎหมายเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมาร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพว่า พบเวชทะเบียนประวัติคนไข้ ซึ่งไม่มีรายชื่อที่ตรงกับกรณีแม่อุ้มบุญให้กับนายมิตสึโตกิ ชิเกตะ พ่อชาวญี่ปุ่นแต่อย่างใด และคลินิกนี้เปิดมาเพียง 1-2 เดือน ดังนั้นกระบวนการในการทำเด็กหลอดแก้วจึงเพิ่งเริ่มต้น อยู่ในระยะเพิ่งฉีดไข่เท่านั้น จึงเชื่อได้ว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกรณีอุ้มบุญเด็กทั้ง 15 คน
พบเพิ่งเปิด-จ่อฟันไม่ขึ้นทะเบียน
สำหรับการดำเนินคดีต่อคลินิกนิวไลฟ์ ไอวีเอฟนั้น ผกก.กก.ดส.เผยว่า ต้องให้เจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเข้าเเจ้งความต่อสน.ลุมพินี เช่นเดียวกับคลินิกออล ไอวีเอฟ ที่เจ้าหน้าที่เพิ่งเดินทางไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยลักษณะความผิดคล้ายกันคือ ทำเด็กหลอดเเก้วโดยที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนต่อราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเเพทย์เจ้าของอ้างว่าอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตนั้น แต่ในทางกฎหมายถือว่าผิด
เล็งบุกค้นหลักฐานอุ้มบุญหลายจุด
ส่วนความคืบหน้าคดีอุ้มบุญเด็กทั้ง 15 คนนั้น พ.ต.อ.นภันต์วุฒิเผยว่า ทางกก.ดส.มีเป้าหมายเข้าตรวจค้น และบุกจับอีกหลายจุด แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียด เกรงจะไหวตัว
รายงานข่าวแจ้งว่า ข้อมูลส่วนใหญ่ของคดีและความเคลื่อนไหวต่างๆ จะได้จากการสอบปากคำแม่อุ้มบุญ โดยเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำแม่อุ้มบุญเเล้ว4-5คน ซึ่งได้ข้อมูลในการขยายผลพอสมควร
ออสซี่ยธ.ออกกม.อุ้มบุญ
ขณะที่ นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงยุติธรรมเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ทูตประเทศออสเตรเลียโทรศัพท์มาหา เพื่อสอบถามถึงการแก้กฎหมายอุ้มบุญในประเทศไทย พร้อมทั้งให้รายละเอียดว่า ปัจจุบันมีชาวออสเตรเลีย เข้ามาทำอุ้มบุญในประเทศไทยกว่า 200 ราย กับหน่วยงานทางการแพทย์ต่างๆในไทย ซึ่งลักษณะดังกล่าวไม่ได้ทำอุ้มบุญเป็นเชิงพาณิชย์ แค่อยากมีลูกเท่านั้น เพียงแต่มีการทำเอกสารรับรองบุตร และเอกสารตามราชการปกติก่อนนำเด็กกลับไปเลี้ยงดูต่อที่ต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่มีกฏหมายรองรับเรื่องดังกล่าว จึงฝากกระทรวงยุติธรรมของไทยประสานผู้บริหารให้ช่วยพิจารณาให้มีกฏหมายดังกล่าวอย่างถูกต้องตามหลักสากล เหมือนประเทศอื่น ซึ่งทางกระทรวงยุติธรรมจะศึกษาข้อกฏหมาย และนำเสนอ คสช. สนช.และผู้บริหารประเทศผลักดันให้มีกฏหมายดังกล่าวอย่างถูกต้องโปร่งใส
ศิริราชพาดูห้องผู้มีบุตรยาก
วันเดียวกัน น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (อธิบดี สบส.) พร้อมนพ.เรืองศิลป์ เชาวรัตน์ หัวหน้าหน่วยผู้มีบุตรยาก ภาคสูติศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล นำสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมหน่วยผู้มีบุตรยาก ศิริราชพยาบาล โดยเปิดให้ชมห้องปฏิบัติการ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ห้องเก็บไข่,ห้องเก็บสเปิร์ม และห้องแล็ปปลอดเชื้อ โดยมีนักวิทยาศาสตร์คอยควบคุมและตรวจสอบความสมบูรณ์ของไข่และสเปิร์มอย่างใกล้ชิด รักษาด้วยมาตรฐานสูงสุด อิงกฎเกณฑ์ของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย และแพทยสภาอย่างเคร่งครัด อีกทั้ง มีมาตรฐานสากลติด 1 ใน 10 อันดับของโลกด้วย
ให้ทำอุ้มบุญอย่างถูกกฏหมาย
โดยนพ.เรืองศิลป์กล่าวว่า หน่วยผู้มีบุตรยากของรพ.ศิริราช แห่งนี้ เปิดให้บริการรักษามา 25 ปีแล้ว มีผู้เข้ารับการรักษาการมีบุตรยากแล้วกว่า 3 หมื่นราย ซึ่งนอกจากรักษาเรื่องมีบุตรยากแล้ว ยังให้การรักษาครอบคลุมโรคทางพันธุ์กรรมด้วย ส่วนสถิติการทำการอุ้มบุญจากปี 2553 จนถึงขณะนี้ ทำการอุ้มบุญไปแล้ว 7 ราย รวมรายล่าสุดที่กำลังตั้งท้องอยู่ในปีนี้ด้วย
สำหรับผู้ที่ได้รับการอุ้มบุญต้องมีข้อบ่งชี้ตามที่แพทยสภาระบุคือ เป็นญาติคู่สมรส และต้องไม่ทำการอุ้มบุญเชิงพาณิชย์ ที่ผ่านมามีผู้ป่วยจำนวนมากต้องการรักษาด้วยการอุ้มบุญ แต่หากไม่ถูกต้องตามเกณฑ์ข้อบ่งชี้ดังกล่าว เราไม่สามารถทำการอุ้มบุญให้ได้ ซึ่งแต่ละปีเราปฏิเสธทำการอุ้มบุญให้ผู้ป่วยกว่า 100 ราย หากเทียบกับจำนวนของคนไข้ทั้งหมดคิดเป็นเพียง 1-2 % ถือว่าน้อยมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี