ชาญพิทยา ฉิมพาลี
หมู่บ้านชุมชนต้นแบบการลดต้นทุนการผลิตข้าว เป็นโครงการหนึ่งที่กรมการข้าวเร่งดำเนินการเพื่อช่วยเหลือชาวนา ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายคืนความสุขให้ชาวนาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.
นายชาญพิทยา ฉิมพาลี อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า กรมการข้าว ได้ทำโครงการหมู่บ้านชุมชนต้นแบบการลดต้นทุนการผลิตข้าว ปี 2557 โดยคัดเลือกหมู่บ้านนำร่องที่มีความเข้มแข็ง และมีศูนย์ข้าวชุมชนตั้งอยู่ ที่สำคัญสมาชิกในชุมชนต้องมีความพร้อมที่จะร่วมโครงการ เพื่อให้การถ่ายทอดองค์ความรู้ตลอดจนเทคโนโลยีการลดต้นทุนการผลิตต่างๆ สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง ซึ่งแนวทางที่กรมการข้าวใช้ถ่ายทอดให้กับหมู่บ้านชุมชนต้นแบบการลดต้นทุนการผลิตข้าว ประกอบไปด้วย 7 ข้อหลัก ได้แก่ 1.ต้องใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับพื้นที่ จะสามารถเพิ่มผลผลิตได้ 10% หรือ 300-500 บาท/ไร่ 2.ต้องใช้เมล็ดพันธุ์มีคุณภาพในอัตราที่เหมาะสมและปรับเปลี่ยนวิธีการปลูก โดยหันมาทำการปักดำหรือโยนกล้าแทนนาหว่าน หรือใช้เครื่องหยอดเมล็ด จะช่วยลดต้นทุนได้ 400-600 บาท/ไร่ 3.ต้องลดการใช้ปุ๋ยเคมี ด้วยการวิเคราะห์ดินแล้งจึงใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ ไม่ใส่เกินความต้องการของพืชและดิน จะช่วยลดต้นทุนส่วนนี้ลงไปได้อีก 200-300 บาท/ไร่
แนวทางที่ 4 ต้องลดการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูข้าว คือถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ควรใช้ให้ถูกวิธีและปริมาณที่ถูกต้อง ควรใช้ร่วมกับสารชีวภาพ ควบคู่กับชีววิธีควบคุมศัตรูข้าวด้วยวิธีผสมผสาน เช่น ทำการสำรวจตรวจนับแมลงศัตรูข้าวในแปลงนาอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบจำนวนมากถึงระดับที่จะทำให้เกิดการระบาดทำลายผลผลิตจึงป้องกัน กำจัด อีกอย่างคือปลูกพืชที่มีดอกสีขาว สีเหลือง บนคันนาเพื่อเป็นแหล่งอยู่อาศัยของศัตรูธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ จะได้รักษาสมดุลของธรรมชาติ ให้ธรรมชาติกำจัดกันเอง ถ้าลดการใช้สารเคมีก็จะลดต้นทุนได้อีกไม่ต่ำกว่า 200-300 บาท/ไร่ 5.ต้องลดการสูญเสียระหว่างการเก็บเกี่ยวและหลังการเก็บเกี่ยว ถ้านาชลประทานควรปล่อยน้ำออกจากนาก่อนเก็บเกี่ยว 15 วัน และเก็บเกี่ยวระยะพลับพลึง หรือ 30 วัน หลังข้าวออกดอก จะช่วยลดการสูญเสียผลผลิตได้ 5% หรือคิดเป็นมูลค่า 200-300 บาท/ไร่ 6.ต้องทำบัญชีฟาร์ม จดรายรับรายจ่ายในการปลูกข้าวและรายจ่ายทั้งหมดในครัวเรือน เพื่อช่วยควบคุมการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
สำหรับแนวทางดังกล่าวที่กรมการข้าวนำมาใช้ส่งเสริมให้พี่น้องชาวนาในครั้งนี้ มีข้อพิสูจน์แล้วว่าทำได้จริง สามารถลดต้นทุนการผลิต ในส่วนของนาชลประทานต้นทุนเดิมอยู่ที่ประมาณ 4,500-5,000 บาท/ไร่ จะลดลงมาได้ 1,500 บาท/ไร่ ส่วนนาน้ำฝนเดิม 3,000-3,500 บาท/ไร่ ลดลงได้ 1,000 บาท/ไร่ เช่นเดียวกับนาน้ำลึก/ข้าวขึ้นน้ำ หรือข้าวไร่ ก็สามารถลดต้นทุนลงมาได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท/ไร่
“หากพี่น้องชาวนาใช้เมล็ดพันธุ์ดี วิธีปลูกที่เหมาะสม ใช้ปุ๋ย ใช้ยาถูกชนิด ถูกอัตรา ถูกเวลา ร่วมกับหมั่นตรวจสอบแปลงนา เก็บเกี่ยวในระยะที่เหมาะสม ก็จะช่วยลดต้นทุนได้อย่างน้อย1,000-1,500 บาท/ไร่ นอกจากนี้ ยังมีผลผลิตเพิ่มขึ้น 20% คิดเป็นเงิน 600-1,000 บาท/ไร่ รวมแล้วชาวนาก็จะมีเงินรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นระหว่าง 1,600-2,500 บาท/ไร่ ผนวกกับการช่วยเหลือลดราคาปัจจัยการผลิต 760 บาท/ไร่ ตามนโยบายของ คสช. ก็จะยิ่งทำให้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรลดลง เมื่อต้นทุนลดลง แม้จะขายข้าวราคาไม่สูงมากเหมือนตอนมีโครงการรับจำนำข้าว แต่ชาวนาก็จะมีส่วนต่างที่เป็นรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมแน่นอน” อธิบดีกรมการข้าว กล่าวย้ำ
เสถียร ปลื้มใจ
นายเสถียร ปลื้มใจ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 บ้านม่วงงาม ต.โพงาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ในฐานะประธานศูนย์ข้าวชุมชนบ้านม่วงงาม หนึ่งในหมู่บ้านที่เข้าร่วมโครงการชุมชนต้นแบบการลดต้นทุนการผลิตข้าว ปี 2557 เล่าว่า หมู่บ้านม่วงงาม มีเกษตรกรที่ทำนาประมาณ 100 ราย แต่เป็นสมาชิกศูนย์ข้าวชุมชน 40 ราย ซึ่งแต่เดิมก็มีการผลิตข้าวโดยใช้ปุ๋ยและสารเคมีทางการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ และยังหว่านข้าวในอัตราที่ค่อนข้างมาก ลงทุนสูง ทำให้รายได้เหลือน้อยหรือบางรายก็ขาดทุน ซึ่งตอนแรกที่เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท กรมการข้าว เข้ามาส่งเสริมเรื่องการลดต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะการใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ที่น้อยลง การใช้สารชีวภาพที่ทำได้เองแทนเคมี หรือการตรวจสอบแปลงนา ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยเชื่อเพราะยังยึดติดกับพฤติกรรมเดิม
จนกระทั่งศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท คัดเลือกให้เป็นหมู่บ้านนำร่องโครงการชุมชนต้นแบบการลดต้นทุนการผลิตข้าว พร้อมถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ที่เป็นแบบฉบับตามความเหมาะสมของสมาชิกในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำสารสกัดชีวภาพจากสะเดา การทำจุลินทรีย์หน่อกล้วย ฮอร์โมนไข่ สอนให้รู้จักแยกแยะศัตรูธรรมชาติและศัตรูข้าว พร้อมทำแปลงเรียนรู้การลดต้นทุนในพื้นที่แปลงนาของตนเอง จำนวน 7 ไร่ ซึ่งเดิมชาวนาที่นี่จะใช้เมล็ดพันธุ์ 30-35 กก./ไร่ ทางศูนย์วิจัยข้าวชัยนาทก็มาสาธิตการใช้เมล็ดพันธุ์ดีหว่านในอัตราต่างกันที่ 5,15 และ 20 กก./ไร่ ปรากฏว่าเมื่อใช้เมล็ดพันธุ์น้อยลงและมีการปรับปรุงบำรุงดิน ใช้สารชีวภาพแทนเคมี ทำให้ต้นกล้าที่ขึ้นมาขยายกอดีขึ้น แข็งแรงมีความต้านทานต่อโรคแมลงมากขึ้น
แม้ว่าขณะนี้ผลผลิตยังไม่เก็บเกี่ยว ซึ่งตนคิดว่าผลผลิตช่วงแรกคงไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือต้นทุนลดลงแน่นอน เพราะจากที่เคยทำนาโดยทำเองทุกอย่างไม่ได้จ้างแรงงานและไม่ได้เช่านา จะมีต้นทุนอยู่ที่ 3,500 บาท/ไร่ แต่ขณะนี้ลงทุนไปเพียง 1,500 บาท/ไร่ ถึงจะยังไม่รวมค่าจ้างตอนเก็บเกี่ยว ก็ยังเชื่อว่าต้นทุนจะลดลงไม่ต่ำกว่าครึ่ง ซึ่งหลังจากที่ลงมือปฏิบัติมาได้ระยะหนึ่ง ก็มั่นใจว่าแนวทางการลดต้นทุนการผลิตข้าวของกรมการข้าว สามารถทำได้จริง อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้ตนจะไม่ได้ทำคนเดียว จะมีการขยายผลไปสู่สมาชิกศูนย์ข้าวชุมชนทั้ง 40 คน รวมไปถึงเกษตรกรที่ทำนาทั้งหมู่บ้านต่อไป
ท้ายนี้ก็อยากจะฝากถึงเพื่อนชาวนาท่านอื่น ให้หันมาลดต้นทุน โดยลองศึกษาข้อมูล หรือมาเยี่ยมชมแปลงเรียนรู้ที่หมู่บ้านต้นแบบแห่งนี้ สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท หรือที่ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านม่วงงาม โทร.08-9643-2701
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี