เรียกหมออุ้มบุญรับข้อหา
ทนายพ่อญี่ปุ่นดอดพบตร.
ส่ง‘ดีเอ็นเอ’ตรวจพิสูจน์
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 สิงหาคม พ.ต.อ.เดชา พรหมสุวรรณ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ลุมพินี เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีชาวต่างชาติว่าจ้างหญิงไทยอุ้มท้องหรืออุ้มบุญ ว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียก นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล แพทย์ซึ่งเป็นเจ้าของคลีนิกออลไอวีเอฟ ซึ่งเป็นผู้ทำอุ้มบุญ โดยจากการสอบพยานหลายปากพบหลักฐานเชื่อมโยง มีความผิด โดยจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา 2 ข้อหา คือ 1.ความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล ประกอบกิจการและสถานพยาบาลไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท และ 2.ไม่ควบคุมดูแลให้ผู้ประกอบการวิชาชีพเวชกรรมในสถานบริการ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม โทษ 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการส่งหมายเรียกไปยังบ้านพัก นพ.พิสิฐ ย่านห้วยขวาง เพื่อเรียกตัวมาสอบปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาภายในเวลา 12.00 น. วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคมนี้ ที่ สน.ลุมพินี ซึ่งหาก นพ.พิสิฐไม่เดินทางมาก็จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และหากยังไม่มาอีกก็จะขอศาลออกหมายจับทันที
ส่วนบรรยากาศที่ สน.ลุมพินี มีทั้งผู้สื่อข่าวชาวไทยและผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่น มาเฝ้ารอทำข่าวจำนวนมาก หลังมีกระแสว่า นายชิเกตะ มิตสึโตกิ อายุ 24 ปี พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น และ นพ.พิสิฐ แพทย์ผู้ที่ทำอุ้มบุญให้จะเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี แต่ก็ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ไม่มีการติดต่อเข้าให้ปากคำใดๆ ทั้ง โดยพ่อชาวญี่ปุ่นยังไม่ได้เดินทางเข้าประเทศไทย
ทางด้าน พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล4 (ผบก.น.4) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับฝ่ายสืบสวน บก.น.4 และตำรวจ สน.ลาดพร้าว เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีอุ้มบุญ ว่า ชุดสืบสวนได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานจากหน่วยงานต่างๆ นำมาประกอบสำนวนคดี เพื่อหามูลเหตุที่ชายชาวญี่ปุ่นว่าจ้างให้ทำเด็กอุ้มบุญ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยังได้นำเอกสารถึง 6 แฟ้มมารายงานในที่ประชุม ซึ่งชัดเจนว่าหญิงไทย 9 คน ที่รับจ้างอุ้มบุญเด็ก 9 คนที่พบในคอนโดฯ ย่านลาดพร้าว ไปทำอุ้มบุญ กับ นพ.พิสิฐ เจ้าของคลินิกสูตินารีเวช ออลไอวีเอฟ ทั้งหมด ทั้งนี้ในวันพุธ ที่ 20 สิงหาคม ทาง บชน.จะมีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีอีกครั้ง
วันเดียวกัน นายก้อง สุริยะมณฑล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายชิเกตะ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว พร้อมเปิดเผยว่าได้นำตัวอย่างดีเอ็นเอ ที่อ้างว่าเป็นของนายชิเกตะ ซึ่งได้รับการตรวจสอบและยืนยันจากทางการญี่ปุ่น พร้อมกับหนังสือชี้แจงเหตุผลที่ต้องการมีบุตรจำนวนมาก รวมถึงข้อเท็จจริงอื่นๆ ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้มามอบให้กับพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ส่วนนายชิเกตะ ยังไม่ได้เดินทางมาที่ประเทศไทยตามที่เป็นข่าว และไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชาด้วย ขณะนี้ตนอยู่ระหว่างการประสานกับนายชิเกตะ เพื่อเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจด้วยตัวเอง
ด้าน พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. ระบุว่า อยากให้นายชิเกตะ มาชี้แจงด้วยตนเอง เพราะยังมีข้อสงสัยหลายประเด็น ซึ่งนายชิเกตะ จะเป็นผู้ให้ข้อมูลได้ดีที่สุด พร้อมกันนี้ ทางตำรวจยังจำเป็นต้องรอสอบปากคำจาก นพ.พิสิฐ เจ้าของคลินิกสูตินารีเวช ออลไอวีเอฟ ที่เป็นผู้ทำอุ้มบุญเสียก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี