เร่งล่าจ่าสมเกียรติ
ฉก‘ปืน’ของกลาง
ทหารตั้งโต๊ะเคลียร์
ปัด‘อาวุธสงคราม’
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ศาลทหารกรุงเทพ พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ เจ้ากรมศาลทหารพระธรรมนูญ พร้อม พล.ร.ท.กฤษฎา เจริญพานิช หัวหน้าสำนักงานตุลาการศาลทหารร่วมแถลงชี้แจงกรณีมีการเสนอข่าวว่า อาวุธปืนที่ยึดมาจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สูญหายจากศาลทหารกรุงเทพ 54 กระบอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 และ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ศาลทหารกรุงเทพนัดพิจารณาคดี ซึ่งต้องเบิกอาวุธปืนที่เป็นวัตถุของกลางในคดีมาประกอบการพิจารณา แต่ไม่พบของกลาง จึงตรวจสอบบัญชีของกลางตั้งแต่ พ.ศ.2535 ถึงปัจจุบัน พบมีอาวุธปืนของกลางที่เก็บรักษาไว้ที่ห้องเก็บรักษาสูญหายไป 46 กระบอก เป็นอาวุธมีทะเบียน 15 กระบอก นอกนั้นเป็นอาวุธเถื่อนและในจำนวนนั้นมี 2 กระบอกอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี อีก 44 กระบอกคดีสิ้นสุดแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่งคืนให้กรมสรรพาวุธ เพื่อนำไปทำลาย เพราะอาจมีการรื้อคดีขึ้นมาใหม่
“ขอยืนยันว่า อาวุธปืนที่หายไปทั้ง 46 กระบอก เป็นอาวุธปืนสั้นทั้งสิ้นไม่ใช่อาวุธสงคราม และเป็นของกลางในคดีปกติ ซึ่งจำเลยเป็นทหารเท่านั้น รวมถึงเป็นคดีที่เกิดขึ้นก่อนประกาศใช้กฏอัยการศึก และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอาวุธปืนตามประกาศของ คสช. เนื่องจากอาวุธปืนของกลางในคดีตามประกาศ คสช.ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของชั้นสอบสวนทั้งสิ้น ยังมาไม่ถึงศาลทหารกรุงเทพแม้แต่คดีเดียว”
พล.อ.จิระ กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.ชนะสงคราม เพื่อสอบสวนทหาร 2 นายที่คาดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องคือ ร.อ.อ.ชินพล ออรุ่งโรจน์ ตำแหน่งประจำแผนกเก็บรักษา มีหน้าที่รักษาดูแลสำนวนคดีและของกลางในคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพ ร่วมถึงเป็นผู้ถือกุญแจห้องเก็บสำนวนคดีและตู้เหล็กเก็บอาวุธปืนของกลาง ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำทหารอากาศ และ จ.ส.อ.สมเกียรติ ม้าย่อง ปฎิบัติหน้าที่แทนตำแหน่งเสมียนแผนกเก็บรักษา และมักได้รับมอบหมายจาก ร.อ.อ.ชินพล ให้นำกุญแจไปเปิดห้องเก็บรักษาสำนวนคดีและตู้เหล็กเก็บของกลางบ่อยครั้ง ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบสัญญาณการใช้โทรศัพท์มือปรากฎใน จ.นนทบุรี แต่ยังหาตัวไม่พบ และจะพยายามติดตามตัวให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ จ.ส.อ.สมเกียรติ จะเป็นบุคคลที่สามารถยืนยันได้ว่า ร.อ.อ.ชินพล มีส่วนรู้เห็นหรือไม่
สำหรับขั้นตอนการเก็บรักษาของกลางของศาลทหารกรุงเทพนั้น ปฎิบัติตามระเบียบข้าราชการ 2532 ที่ผ่านมาไม่มีปัญหา แต่สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ทบทวนระเบียบราชการทหาร 2535 และพัฒนาระบบการจัดเก็บให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยอาจสร้างเป็นลูกกรงเหล็กอีกชั้นหนึ่ง
ด้าน พล.ร.อ.กฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากระบบ แต่เกิดจากเจ้าพนักงานที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำของกลางออกไป คาดว่าเป็นการทยอยนำออกไป ส่วนจะไปตกอยู่ในมือใครนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในศาลทหารกรุงเทพพบว่า ไม่มีบุคคลภายนอกเข้ามาในสถานที่จัดเก็บของกลาง
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีพ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.เชิญตัวนายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ประธานสภากรุงเทพมหานคร (สภา กทม.)และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.)เขตบางรัก และนายประเสริฐ พรมมิ เลขานุการ มูลนิธิประชาอุปถัมภ์บางรัก ส่งมอบให้พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.นทธีฤทธิ์ หาญเสน่ห์ลักษณ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป.โดยอาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.กฎอัยการศึกหลังถูกกล่าวหาเก็บส่วยผู้ค้าหน้าวัดหัวลำโพง เขตบางรัก กทม.ว่า ขณะนี้ทั้งนายพิพัฒน์และนายประเสริฐยังถูกกักตัวไว้ที่ห้องขัง บก.ป. โดยนายประเสริฐครบกำหนดกักตัว 7 วัน วันที่ 19 สิงหาคม ขณะที่นายพิพัฒน์ครบกำหนดวันที่ 20 สิงหาคม แต่พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้รับการประสานจากทหารว่าจะพิจารณาทำหนังสือร้องทุกข์ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลทั้งสองพร้อมกันวันที่ 19 สิงหาคม เวลา 11.00 น.ก่อนคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขังช่วงบ่ายวันเดียวกัน
พ.ต.ท.นทธีฤทธิ์กล่าวว่า สำหรับกรณีนายประเสริฐนั้น ยังตรวจสอบพบความไม่ชอบมาพากลในการจัดตั้งและบริหารมูลนิธิประชาอุปถัมภ์บางรักอีกด้วย เนื่องจากตามประกาศจดทะเบียนตั้งมูลนิธิดังกล่าว มีนายสมพร ชูศรี อายุ 46 ปี เป็นประธาน นายประเสริฐเป็นกรรมการและเลขานุการ ตามแนวทางสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่พบว่า นายประเสริฐนำเงินที่ได้จากการบริจาคของประชาชนบางส่วนไปมอบให้เลขานุการของนายพิพัฒน์ เพื่อใช้คืนที่ได้หยิบยืมเงินมาก่อสร้างมูลนิธิฯก่อนหน้านั้น โดยจะหักเงินไว้ทุกเดือนไปส่งมอบ แต่ทางเลขานุการของนายพิพัฒน์ยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้รับทราบกรณีดังกล่าวแต่อย่างใดนอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบต่อไปเรื่องสถานที่ตั้งมูลนิธิ ซึ่งพบว่าอยู่บนพื้นที่สาธารณะบริเวณแยกสามย่าน ระหว่างถนนสี่พระยากับถนนพระราม 4 โดยไม่พบข้อมูลหรือหลักฐานว่าขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี