ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.แม่สาย จับกุมตัว พ.ต.ท.ชำนาญ พุ่มไพจิตร รอง ผกก.ป. สภ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 800,000 เม็ด และยาไอซ์ อีกจำนวน 1 กก. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา
โดยผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการขยายผลหลังจับกุม พ.ต.ท.ชำนาญ กระทั่งสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้อีก 2 ราย คือ นายป๊อก ไทยใหญ่ อายุ 32 ปี ชาวเมืองปั่น จ.ตองกี่ ประเทศพม่า ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่นำยากเสพติดมาส่งให้กับ พ.ต.ท.ชำนาญ และ น.ส.เหมย ศรีนทีทันดร อายุ 30 ปี เป็นภรรยาใหม่ของ พ.ต.ท.ชำนาญ
ตะลึงค้นบ้านเจอซุกทอง15แท่ง
นอกจากนี้ยังได้กระจายกำลังไปค้นบ้านของ พ.ต.ท.ชำนาญ ที่ อ.สบปราบ จ.ลำปาง ซึ่งเป็นท้องที่เดิมที่ พ.ต.ท.ชำนาญ รับราชการอยู่ก่อนย้ายไปยัง อ.ไชยปราการ และบ้านเลขที่ 319/2 ม.9 ต.โชคชัย อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นบ้านที่ พ.ต.ท.ชำนาญ อยู่กินกับ น.ส.เหมย พบของกลางเป็นตู้เซฟจำนวน 1 ใบ เมื่อเปิดดูพบภายในปรากฏว่า มีทองคำแท่งจำนวน 15 แท่ง แต่ละแท่งมีน้ำหนัก 10 บาท รวมน้ำหนักทองคำทั้งหมด 150 บาท รวมมูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท จึงอายัดไว้ตรวจสอบ
“พ.ต.ท.”ออกอาการเครียดจัด
ขณะที่เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ ผช.ผบ.ตร. รักษาการ ผบช.ภ.ภาค 5 ได้เดินทางมายังกองบังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงราย เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีร่วมกับ พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.เชียงราย และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พร้อมกับสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดเพิ่มเติม โดย พ.ต.ท.ชำนาญ มีสีหน้าที่แสดงอาการเครียดจัดอย่างเห็นได้ชัด
ยังให้การวกวน-อ้างหนี้สิน
พ.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า จากการสอบปากคำ พ.ต.ท.ชำนาญ ยังให้การวกวนว่า เคยขยายผลจับยาเสพติดมามาก กรณีถ้าขยายผลได้ก็จะขยาย แต่ครั้งนี้ไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อกับผู้เกี่ยวข้องได้ เมื่อทำไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี โดยของกลางทั้งหมดที่ถูกจับได้จะนำไปส่งที่ กทม. ส่วน น.ส.เหมย นั้นเป็นภรรยาที่เพิ่งอยู่กินกันมาไม่นาน และที่ต้องมาขนยาเสพติดเสียเองเพราะเป็นหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ 1.9 ล้านบาท และที่อื่นๆ อีก
แฉยาบ้าจากโรงงานเครือข่ายยี่เซ
“ส่วนยาเสพติดที่ยึดได้นั้น จากตราประทับบนเม็ดยา บ่งชี้ว่ามาจากโรงงานของ พ.ท.ยี่เซ ชนกลุ่มน้อยในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยลักษณะของเม็ดยาก็ใหม่ มีห่อกระดาษสาห่อกันความชื้นในฤดูฝน ส่วนห่อยาบ้าเป็นสีฟ้าและมีสีดำ จึงถือว่าเป็นเครือข่ายใหญ่เพราะสืบสวนทราบว่าขนเข้ามาโดยไม่ต้องจ่ายเงินสด แสดงว่ามีเครดิตกับโรงงานผลิตอย่างมาก และที่สำคัญยังสามารถใช้นายตำรวจระดับสูงที่มีผลงานปราบยาเสพติดของเราไปเป็นคนขนเสียด้วย” พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว
ผกก.ซวยด้วยเจอเด้งทันที
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่าจะเสนอต่อ ผบ.ตร. ให้ตั้งคณะกรรมการจากตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อร่วมกับตำรวจภูธรภาค 5 ขยายผลปราบปรามเครือข่ายนี้ให้ถึงที่สุด ส่วนตัว พ.ต.ท.ชำนาญ ต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน และตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย รวมถึงย้าย พ.ต.อ.ธวัชชัย เทพบุญ ผกก.สภ.ไชยปราการ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้ไปประจำที่ บช.ภ.5 โดยไม่มีกำหนดพร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องกับบุคคลใดอีกหรือไม่
คาดขยายผลจับเพิ่มอีก2-3คน
สำหรับคดีอาญา ได้ตั้งข้อหา พ.ต.ท.ชำนาญ ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ส่วน น.ส.เหมย ให้การเป็นประโยชน์แต่ก็คงดำเนินคดีข้อหาสมคบ คาดว่าเมื่อสอบปากคำทั้งหมดจะขยายผลจับกุมเพิ่มเติมได้อีก 2-3 คนต่อไป ขณะที่ นายป๊อก ยังให้การปฏิเสธอยู่ โดยอ้างว่าถูกหลอกให้ขี่จักรยานยนต์มาส่ง โดยไม่รู้ว่าให้มาส่งยาเสพติด
ค้นบ้านพ.ต.ท.อีก2หลังที่ลำปาง
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี จ.ลำปาง ในฐานะกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี จ.ลำปาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง นำโดย พ.ต.อ.สังเวียน อินตากูล ผกก. พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวค้นบ้านของ พ.ต.ท.ชำนาญ จำนวน 2 หลัง โดยหลังแรกในหมู่บ้านเจนแอนด์จอย เลขที่ 112/225 หมู่ 8 ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง และหลังที่สอง อยู่หมู่บ้านสุขสวัสดิ์ เลขที่ 353/3 หมู่ ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง
อายัดบ้าน-รถมูลค่าร่วม10ล.
ทั้งนี้ในการตรวจค้นดังกล่าว ส.ต.ท.หญิง ยุพาภรณ์ พุ่มไพจิตร อายุ 27 ปี ลูกสาวของ พ.ต.ท.ชำนาญ เป็นผู้นำตรวจค้นด้วยตัวเอง แต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายใดๆ โดยภายในบ้านทั้ง 2 หลังพบรูปของ พ.ต.ท.ชำนาญ และโล่ประกาศเกียรติคุณจากผลงานการปราบปรามยาเสพติดจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกตรวจยึดทรัพย์สินของบ้านหรูทั้ง 2 หลัง ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว รวมถึงรถยนต์เฟอร์จูนเนอร์อีก 1 คัน มูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดกว่า 10 ล้านบาทไว้ เพื่อทำการตรวจสอบต่อไปว่า ได้มาจากทรัพย์สินจากการค้ายาเสพติดหรือไม่
ยึด“ยาบ้า-ฝิ่น”จ่อทะลักเข้าไทย
วันเดียวกัน พ.อ.วัชรพงศ์ แก้วแจ้ง ผบ.ทพ.31 กองกำลังผาเมือง พ.ต.ต.วิญญู พรประทุม ผบ.ตชด.327 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลาดตระเวณตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาร์ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบกระทำผิดกฎหมายโดยเฉพาะยาเสพติดที่เตรียมทะลักเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบบริเวณหมู่บ้านม้งเก้าหลัง ม.9 ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เป็นป่าข้าวโพดที่ชาวบ้านปลูกตามเนินเขาสูงชัน พบถังพลาสติกสีน้ำเงินใบใหญ่ถูกฝังอยู่ใต้ดินโผล่ขึ้นมาเพียงส่วนหัวของถังและกระติกพลาสติกใบเล็ก ภายในซุกซ่อนยาเสพติดจำนวนมาก
โดยยาเสพติดที่ตรวจพบ ได้แก่ ยาบ้า 340,000 เม็ด เฮโรอีนหนักประมาณ 1 ก.ก. ยาไอซ์ หนักประมาณ 3 ก.ก. และฝิ่นหนักประมาณ 2 ก.ก. บรรจุในถุงพลาสติก มีผ้าห่มคลุมทับไว้ด้านนอก นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืนอาก้าหรือเอเค47 จำนวน 1 กระบอก ปืนเอ็ม16 จำนวน 1 กระบอก และปืนแก๊ป 1 กระบอก แต่ไม่พบบุคคลใดอยู่บริเวณดังกล่าวคาดว่าได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้
บุกรวบครูสิ้นคิดค้ายาบ้าให้เด็ก
ส่วนที่ จ.น่าน พ.อ.เศรษฐพล เกตุเต็ม เสนาธิการจังหวัดทหารบกน่าน ร่วมกับ พ.ต.ท.อุทัย วงษ์คำแสน สว.สส.ภ.จว.น่าน นำกำลังเข้าจับกุม นายนิคม ถิ่นทิพย์ อายุ 59 ปี อาจารย์ 2 ระดับ 7 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.แม่จริม จ.น่าน และ นางนฤมล นาคสายยันต์ อายุ 40 ปี ภรรยา ได้ที่บ้านพักเลขที่ 28/7 ถนนสวนตาลล่าง ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน หลังได้รับการร้องเรียนว่าทั้งคู่ลักลอบขายยาบ้าให้กับวัยรุ่นในพื้นที่ จากการตรวจค้นในบ้านพัก พบยาบ้า 42 เม็ด พร้อมอุปกรณ์การเสพ และเงินสดอีกกว่า 3,000 บาท บัญชีเงินฝากธนาคารอีกหลายเล่ม แต่นายนิคมให้การปฎิเสธว่าไม่ได้ขายยาบ้า แต่เอาไว้เสพเองเพื่อแก้อาการหอบหืด แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เมื่อนำตัวไปตรวจปัสสาวะพบว่ามีสีม่วง จึงนำตัวส่งดำเนินคดีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี