เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 20 สิงหาคม พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 และ 5 พร้อมด้วยตัวแทนจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อเร่งรัดการสืบสวนสอบสวนความคืบหน้าคดีว่าจ้างตั้งท้องแทนหรืออุ้มบุญ
หลังการประชุม พล.ต.ท.ก่อเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้เตรียมออกหมายเรียก นายชิเกตะ มิตซูโตกิ อายุ 24 ปี ชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของเชื้อในการทำเด็กอุ้มบุญมาให้การต่อไป โดยมั่นใจว่า นายชิเกตะจะเดินทางมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ด้วยตนเองอย่างแน่นอน แต่จะเป็นเมื่อไหร่นั้นยังไม่ทราบ เพราะรายละเอียดทั้งหมดจะมีผลต่อเด็กด้วย
ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับเด็ก ยังไม่พบการปลอมแปลงเอกสารแต่อย่างใด ทุกอย่างมีความสมบูรณ์เพียงพอ ส่วนผลตรวจพิสูจน์ตัวอย่างดีเอ็นเอของนายชิเกตะ กับเด็กทารก 9 คน ที่เกิดจากแม่อุ้มบุญ ว่าในเบื้องต้นพบว่าดีเอ็นเอตรงกัน จึงเชื่อถือและยอมรับได้ ส่วนนายชิเกตะจะมาตรวจด้วยตัวเองหรือไม่ คงไม่เป็นสาระสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญ คือ มีการนำเด็กทั้งหมดไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ ส่วนแม่เด็กในชั้นนี้ก็ยังไม่มีความจำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอ เพราะทราบอยู่แล้วว่าใครเป็นคนอุ้มท้อง ส่วนจะเป็นการอุ้มบุญเทียมหรือไม่ ต้องรอให้ทางแพทย์เป็นผู้ระบุ
พล.ต.ท.ก่อเกียรติ กล่าวถึงเหตุผลการทำเด็กอุ้มบุญที่แนบกับเอกสารตามที่ นายก้อง สุริยมณฑลทนายความของนายชิเกตะ ส่งมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นายชิเกตะได้อ้างว่าที่อยากมีลูกเป็นจำนวนมาก เพราะสามารถที่จะเลี้ยงดูเด็กได้ แต่ไม่ได้บอกถึงเหตุผลอื่น อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากนายชิเกตะ ต้องการนำเด็กอุ้มบุญออกต่างประเทศ ต้องได้รับความยินยอมจากมารดาของเด็ก ตามกฎหมายว่าด้วยผู้ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ซึ่งสิทธิ์ในตัวลูกอยู่ที่แม่ทั้งหมด และต้องมีคำสั่งศาลในการนำเด็กออกนอกประเทศด้วย ส่วนเด็กอุ้มบุญทั้งหมดขณะนี้อยู่ในการดูแลของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เมื่อเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่สถานีตำรวจ(สน.) ลุมพินี ว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้ขออนุมัติออกหมายเรียก นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล แพทย์ซึ่งเป็นเจ้าของสถานพยาบาล ออลไอวีเอฟ เกี่ยวกับกรณีการให้บริการอุ้มบุญ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งหมายเรียกไปที่บ้าน นพ.พิสิฐ แล้วตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมานั้น ปรากฎว่า สื่อมวลชนยังคงเกาะติดความเคลื่อนไหวที่ สน.ลุมพินี ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยคาดว่า นพ.พิสิฐ อาจเข้าให้ปากคำ โดยเฉพาะสื่อมวลชนของญี่ปุ่น ที่เดินทางมาเกาะติดสถานการณ์ตั้งแต่ช่วงเช้า แม้จะยังไม่มีความเคลื่อนไหวในคดีดังกล่าวจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ตาม
ทางด้าน พ.ต.อ.เดชา พรหมสุวรรณ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ลุมพินี เปิดเผยว่า นพ.พิสิฐ ได้โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 19 สิงหาคม โดยทราบเรื่องกรณีเจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนแล้ว แต่มีความเป็นไปได้ว่า จะขอเลื่อนวันเข้าพบ เนื่องจากขณะนี้ยังติดธุระสำคัญอยู่ จึงเกรงว่าจะกลับมาไม่ทันกำหนดคือวันศุกร์ที่ 22 สิงหาคมนี้ และยืนยันว่า ไม่มีเจตนาจะไม่เข้าพบให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหลบหนีแต่อย่างใด
“เท่าที่พูดคุยกับหมอพิสิฐ ที่โทร.ติดต่อเข้ามา ก็มีแนวโน้มว่าจะขอเลื่อนออกไป ซึ่งตอนนี้หมอพิสิฐ น่าจะตั้งตัวแทน หรือทนายให้มาดำเนินการเรื่องขอเลื่อนเข้าให้ปากคำตามที่ถูกออกหมายเรียก โดยยังฟันธงไม่ได้ว่า วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคมนี้ หมอพิสิฐ จะมาเอง หรือมอบหมาย มอบอำนาจให้ตัวแทนซึ่งอาจเป็นทนายเดินทางมายื่นเอกสาร และให้เหตุผลขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำออกไปอีก ซึ่งจากการวิเคราะห์ในการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ น่าจะเป็นการเลื่อนการเข้าให้ปากคำ” พ.ต.อ.เดชา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี