ไม่ค่อยได้เห็นหัวหน้า คสช. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สวมสูท ผูกเนคไท สักเท่าไร จึงดูแปลกๆ เมื่อหัวหน้า คสช. สวมสูท ผูกเนคไท เดินอย่างสง่าผ่าเผยแบบทหาร เข้าสู่ที่นั่งผู้ที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อแถลงชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา....และอย่างที่ทราบกันดีว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2558 ผ่านฉลุย ด้วยวงเงิน 2.575 ล้านล้านบาท
มีสมาชิกสภานิติบัญญัติลุกขึ้นอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2558 นี้ เพียง 17 ท่าน ท่านละ 10 นาที และเมื่อให้มีการลงมติรับหลักการในวาระแรกก็ปรากฏว่า สมาชิกที่เข้าประชุม 186 คน ลงคะแนนรับหลักการ 183 คน อีก 3 คน ไม่ออกเสียง เพราะทำหน้าที่ประธาน และรองประธาน อยู่บนบัลลังก์.......ทำไมจะไม่ลงคะแนนให้ ก็ท่านหัวหน้า คสช. เล่นถามในที่ประชุมว่า “ใครมี
ปัญหาอะไรไหม” และ “มีใครไม่เห็นชอบบ้าง” โธ่...ใครจะกล้า..ก็ สนช.ท่านเลือกมากับมือ
เป็นที่น่าสังเกตว่าระหว่างการอภิปราย ร่างพ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายฯ ครั้งนี้ คสช.ทั้งคณะนั่งฟังอย่างตั้งใจ ไม่มีใครหนีหายไปไหนสักคนเดียว....ใช้เวลาพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณในวาระแรกนี้เพียง 6 ชั่วโมง ในขณะที่รัฐบาลที่ผ่านมาใช้เวลาหลายวันเพราะมัวแต่ทะเลาะ และประท้วงกันไปมา
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมวาระแรก ที่ประชุมได้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2558 จำนวน 50 คน โดยมี พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. เป็นประธาน กำหนดแปรญัตติภายใน 7 วัน และ กรรมาธิการ จะต้องสรุปรายงานให้เสร็จภายในวันที่ 11 กันยายน 2557 เพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุม สนช. พิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ในวันที่ 17-18 กันยายน 2557
เนื่องจากระยะเวลาที่จะพิจารณางบประมาณมีไม่มาก ประธานกรรมาธิการวิสามัญฯ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ เรียกประชุมคณะกรรมาธิการทันที และกำหนดการประชุมทุกวันไม่มีเสาร์ อาทิตย์......นี่ถ้า สส. หรือ สว. สมัยก่อน ทำงานกันรวดเร็ว จริงจัง และทุ่มเทแบบนี้ ประเทศชาติคงเจริญก้าวหน้าไปไกลลิบแล้ว และประชาชนก็จะไม่เสียดายภาษีอาการที่เสียให้รัฐด้วย.....
พลเอกฉัตรชัย ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญฯ ประกาศแต่เริ่มแรกเลยว่า งบประมาณที่จะตัดลดลง คือ งบประชุม อบรม สัมมนา งบประชาสัมพันธ์ และงบรายจ่ายอื่น (เดินทางไปต่างประเทศ) เอาละ...คราวนี้หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานดังกล่าวคงสบายใจไประดับหนึ่งว่า ปีหน้าคงไม่มี “ใบสั่ง” ให้ต้องทำเพื่อประโยชน์ของใครอีกแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าราชการจะถูกบังคับให้อบรมหลักสูตรโน่น นี่ นั่น ที่ไม่จำเป็นเต็มไปหมด จนคนในหน่วยงานไม่เพียงพอที่จะส่งเข้าอบรม
และการอบรมบางหลักสูตรที่จำเป็นต่อการพัฒนาบุคลากรจริงๆ ก็ต้องมีการพาไปต่างประเทศ ด้วยเหตุผลที่เจ้าของหลักสูตรยกแม่น้ำทั้งห้ามาให้เหตุผลของการพาผู้เข้ารับการอบรมไปดูงานต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องเป็นประเทศในยุโรปจึงจะสมศักดิ์ศรี ของผู้เข้าอบรม นอกจากจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้เข้าอบรมวิ่งเต้นเข้าอบรมเองแล้ว ยังทำให้ผู้ดูแลหลักสูตรได้อานิสงส์ในการไปต่างประเทศด้วย ต่อไปนี้ถ้าไม่จำเป็น หรือสำคัญจริงๆ คงต้องลดระดับการดูงานในต่างประเทศลง เพราะไม่เคยมีการประเมินว่า ผู้เข้าอบรมนำสิ่งที่ไปดูงานมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนางานได้จริงหรือไม่ เพราะการดูงานดูแบบฉาบฉวย วัตถุประสงค์หลัก คือการไปเที่ยวมากกว่า
การไปต่างประเทศที่จำเป็น หรือสำคัญจริงๆ หน่วยงานมักไม่ค่อยให้ความสำคัญ เช่น การไปประชุมเพื่อแสดงท่าทีของประเทศต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือเจรจาต่อรองเพื่อประโยชน์ของประเทศ ไปทำงานเป็นตัวแทนประเทศ ไปอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้กลับมาพัฒนางาน เหล่านี้ต้องสนับสนุน....
ส่วนเรื่องงบประชาสัมพันธ์ งานอีเว้นท์ที่ใช้เงินคราวละสิบ หรือร้อยล้านบาท ที่หน่วยงานเคยรับ “ใบสั่ง” มาให้จัด โดยอ้างเหตุผลความจำเป็นและวัตถุประสงค์บางประการที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง คงต้องลดลง เพราะต่อไปนี้คงไม่มีใครกล้า “สั่ง” นอกจาก คสช.
เลาะรั้วเกษตรวันนี้ ไปไกลเกินกว่าเกษตรไปหน่อย แต่คราวหน้าจะหาข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณด้านการเกษตรมาคุยกัน รอให้แปรญัตติเสียก่อน
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี