22 ส.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น.ที่โรงแรมรามา การ์เด้นท์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดประชุมเตรียมความพร้อมบุคคลกรทางการแพทย์และสาธารณสุข หากพบผู้ป่วยติดเชื่อไวรัสอีโบลาในไทย โดย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.กล่าวเปิดงานการประชุม แก่แพทย์ บุคคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั่วประเทศ จำนวน 550 คน ว่า โรคติดต่อไวรัสอีโบลา เป็นโรคติดต่ออย่างเฉียบพลันรุนแรง
ทั้งนี้ มีกระแสข่าวว่า มีหญิงชาวไทย อายุ 48 ปี ที่เดินทางกลับมาจากประเทศไลบีเรีย แล้วมีอาการคล้ายการติดเชื่อโรคไวรัสอีโบลา โดยในส่วนของภาครัฐบาล ซึ่งทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เน้นให้กระทรวงสาธารณสุขดูแลและพร้อมให้ความสนันสนุน ตั้งแต่ที่ทราบข่าวทางทุกกระทรวงได้มีการประชุมร่วมกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานต้องช่วยกันดูแลกันอย่างเข้มงวด
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นเชื่อโรคไวรัสอีโบลาได้ประกาศให้เป็นโรคร้ายแรงแล้ว เพื่อจะให้ทุกจังหวัดประกาศดูแลได้อย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ โดยมาตราการที่วางไว้ คือ การเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ และการพบผู้ติดเชื่อโรคไวรัสอีโบลา ต้องมีขั้นตอนการดำเนินการอย่างเร่งด่วน ส่วนการดูแลผู้ป่วยก็ได้มอบให้กรมการแพทย์ทำงานควบคู่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำงานวินิจฉัยและออกประกาศในเรื่องนี้โดยตรง ส่วนด้านโครงสร้างนั้น จะตั้งอนุกรรมการหลายคณะเพื่อตรวจวินิจฉัยและยับยั้ง โดยได้รับความร่วมือวิทยาลัยการแพทย์ต่างๆ เช่น แพทย์ศิริราช แพทย์จุฬาฯ เป็นต้น เพื่อให้มีมาตราการในการตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงสาธารณสุขจะปรับมาตราการตามสถานการณ์ ซึ่งหากพบผู้ป่วยที่อนยู่ในช่วงเฝ้าระวังและดูแล โดยขณะนี้สถานพยาบาลที่ดูแล 4 แห่ง คือ โรงพยาบาลราชวิถิ โรงพยาบาลนพรัตน์ โรงพยาบาลเด็ก โรงพยาบาลบำราศนราดูร ในส่วนของภูมิภาคก็จะให้โรงพยาบาลศูนย์ทั่วไปคอยดูแล ทั้งนี้ ในการปรับเปลี่ยนมาตราการเกี่ยวการป้องกันโรคไวรัสอีโบล่านั้น ต้องดูไปเป็นระยะ และหากพบสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นฝ่ายความมั่นคงก็จะประชุมร่วมกันอีกครั้ง และคาดว่าจะประชุมในวันเสาร์ที่ 22 ส.ค.หรือวันอาทิตย์ที่ 23 ส.ค.
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ทางกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญ คือ การให้ความปลอดภัยในบุคคลากรทางการแพทย์ ซึ่งจะบ่งชี้ว่าสถานการณ์สามารถควบคุมได้หรือไม่
ต่อมาเวลา นพ.ณรงค์ เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า กรณีที่พบหญิงชาวไทยอายุ 48 ปี ที่พึ่งเดินทางกลับมาจากประเทศไลบีเรีย ซึ่งได้เฝ้าดูอาการอยู่ที่ สถาบันบำราศนราดูรนั้น ขณะนี้ได้รับรายงานจากแพทย์ที่ดูแลโดยตรงถึงการตรวจเบื้องต้น ว่า ผลการตรวจเลือดของหญิง อายุ 48 ปี ขณะนี้ผู้ป่วยไม่มีไข้ขึ้นสูง โดยอุณหภูมิที่วัดได้อยู่ที่ 37 องศา ซึ่งถือว่าปกติ แต่อย่างไรก็ต้องเฝ้าดูอาการเป็นระยะๆ ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี