22 ส.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น.ที่ผ่านมา พ.อ.สมหมาย บุษบา คณะทำงานด้านกฏหมาย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2 ได้รับการมอบหมายจาก พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้ร่วมปฏิบัติการกับ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พร้อมคณะ โดยมีกำลังนายทหารในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เกือบ 100 นาย ร่วมสนธิกำลังยึดอายัดทรัพย์ นายอัมรินทร์ อยู่สุขดี และเครือญาติ กับนายทรงชัย แป้สูงเนิน และเครือญาติ
เนื่องจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ร้องเรียนต่อหัวหน้า คสช.ว่ามีกลุ่มบุคคลบุกรุกและเข้าถือครองทำประโยชน์ส่วนตัวในที่ดินสาธารณะหนองกุง - หนองแก้ว ต.หนองตะไก้ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา รวมพื้นที่กว่า 3,900 ไร่ และจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงนำมาสู่ปฏิบัติการลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา 4 เป้าหมาย ได้แก่ 1.โรงแรมอัมรินทร์ บริเวณสี่แยกสีแยกทางเข้าเขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย 2.อัมรินทร์โฮมสเตย์ อ.วังน้ำเขียว 3.บ้านเลขที่5/1 บ้านเลขที่ 162 บ้านเลขที่ 99 หมู่ที่ 6 ต.หนองตะไก้ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา 4.บ้านเลขที่ 101 หมู่ที่ 6 ต.หนองตะไก้ อ.สูงเนิน
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวถึงการเข้ายึดอายัดว่ามีเป้าหมาย 4 จุด คือ โรงแรมอัมรินทร์ อ.ปักธงชัย อัมรินทร์รีสอร์ท วังน้ำเขียว บ้านพักนายสมโภชน์ ต.หนองตะไก้ อ.สูงเนิน และบ้านนายทรงชัย โดยจุดสำคัญคือบ้านนายสมโภชน์ ที่ใช้เก็บรถบรรทุกที่ใช้เพื่อการเก็บเกี่ยวอ้อย ปปง.ตรวจยึดอายัดไว้รวม 30 คัน รถทั้งหมดตรวจสอบแล้วพบว่าได้มาจากการกระทำความผิดในการเข้าไปทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นคดีแรกที่ ปปง.ดำเนินการตามมาตรา 3 (15) กับกลุ่มนายทุน ที่แม้ไม่ได้เข้ามาบุกรุกเอง แต่เอื้อประโยชน์ชาวบ้านด้วยการให้เช่าซื้อรถเพื่อนำมาใช้ในการเกษตร ทำให้ชาวบ้านเข้าไปบุกรุกทำกินในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ปปง.จะให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มนายทุนที่อ้างว่าได้ทรัพย์มาโดยชอบ ด้วยการนำหลักฐานมาพิสูจน์ทรัพย์ หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกต้องก็จะคืนทรัพย์สินให้ แต่หากชี้แจงไม่ได้ก็ต้องยึดอายัดตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่อาจขออนุญาตนำรถมาใช้ประกอบอาชีพอาจมีการกำหนดเงื่อนไขเป็นรายไป สำหรับทรัพย์สินที่ยึดอายัดได้จะนำไปเก็บไว้ที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองกำลังสุรนารี เบื้องต้นประเมินมูลค่าทรัพย์ที่ยึดอายัดวันนี้กว่า 50 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีบ้านใน อ.วังน้ำเขียว 3 หลัง อาคารใน อ.ปักธงชัย 2 หลัง บัญชีธนาคาร 12 บัญชี รวมมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท
พ.อ.สมหมาย กล่าวว่า การเข้ายึดอายัดทรัพย์ของนายทุนกลุ่มดังกล่าว กองทัพภาคที่ 2 ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก 2457 และ ปปง.ใช้อำนาจตามกฎหมายฟอกเงิน เนื่องจากพบว่ากลุ่มทุนได้รับประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรเชิงการค้ามีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท แต่ละปีผลผลิตที่ได้จากที่ดิน 1 ไร่ จะได้อ้อยประมาณ 80,000 ตัน โดยขายได้ตันละ 1,000 บาท ดังนั้นแต่ละปีจะมีรายได้จากการขายอ้อยประมาณ 80 ล้านบาท และหากตรวจสอบย้อนหลังการเข้าใช้ประโยชน์ตั้งแต่ปี 2535 ถึงปัจจุบัน จะพบว่านายอัมรินทร์ ได้รับผลประโยชน์จากการขายอ้อยมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท โดยโรงงานน้ำตาละครบุรีได้ให้ข้อมูลว่ารายได้ดังกล่าวเป็นการคำนวณจากรายได้จริง ซึ่งโรงงานดังกล่าวอยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารหลักฐานการซื้อขายอ้อยมาให้คณะทำงานพิจารณา
พ.อ.สมหมาย ยังกล่าวถึงกรณีการเอาผิดทางวินัยกับ นายไพบูลย์ ฐิติกุล นายช่างรังวัดชำนาญงาน สำนักงานที่ดิน จ.นครราชสีมา ในฐานะเป็นผู้รังวัดที่ดินเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มผู้บุกรุก โดยนายไพบูลย์ ยอมรับว่าได้ร่วมลงนามจัดทำเอกสารในที่ดินดังกล่าวจริง โดยเป็นการทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา
พ.อ.สมหมาย กล่าวอีกว่า ได้เรียกนายอัมรินทร์และเครือญาติที่มีส่วนรับผลประโยชน์ จำนวน 22 คน พร้อมทั้งภรรยาอีก 3 คน เข้าให้ปากคำ ซึ่งทั้งหมดรับว่านายอัมรินทร์ได้เข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินทั้งหมดจริง ขณะที่นายสมโภชน์ที่เช่าใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ใช้ชื่อภรรยาคือ นางลำไย ศรีใหม่ เป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินทั้งหมด ทั้งนี้ การยึดอายัดทรัพย์นายทุนดังกล่าวถือเป็นรายแรกที่รัฐสามารถเรียกคืนที่ดินและทรัพย์สินที่นายทุนได้รับประโยชน์จากการใช้พื้นที่คืน
ด้าน นายอัมรินทร์ อยู่สุขดี อายุ 74 ปี กล่าวว่า ตนเองมีที่ดินทั้งหมดประมาณ 1,800 ไร่ โดยเป็นการรวบรวมซื้อจากชาวบ้านในราคาไร่ละ 5,000 - 10,000 บาท แบ่งเป็นที่ดิน นส.3ก.จำนวน 2 แปลง สปก. 1 แปลง และที่ดินมีเอกสารใบชำระภาษี บทภ.5 ยืนยันว่าได้มาอย่างถูกกฏหมาย โดยได้แบ่งให้นายสมโภช เช่าเป็นพื้นที่ 1,095 ไร่
ขณะที่ นายสมโภช ศรีใหม่ อายุ 57 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 5/1 ม.6 ต.หนองตะไก้ อ.สูงเนิน กล่าวว่า ตนเองเช่าที่ต่อจากนายอัมรินทร์ เป็นพื้นที่ 1,095 ไร่ โดยจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 3 ปี เป็นเงินเกือบ 2 ล้านบาท เพื่อทำเกษตรปลูกไร่อ้อย ตัดส่งให้โรงงานน้ำตาลครบุรี อ.ครบุรี ซึ่งทำสัญญากันไว้จากการที่ทางโรงงานดังกล่าวให้รถบรรทุกอ้อย รถตัดอ้อย และอุปกรณ์อื่นๆ มาก่อน ทั้งนี้ ยืนยันว่าทรัพย์สินรถจำนวนหลายคันและอื่นๆ นั้นเป็นของเจ้าโรงงานที่เอามาให้ไว้ใช้เพื่อตัดอ้อยส่งให้กับเจ้าของโรงงานน้ำตาลเพื่อตัดลดหนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี