ผู้ว่าฯเพชรบูรณ์เต้นสอบ
หมู่บ้านอุ้มบุญ
แฉรับจ้างท้องทั้งชุมชน
นอภ.บุกตรวจ-เผ่นเรียบ
‘สรรพากร’บี้ภาษีคลินิก
พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม เกี่ยวกับความคืบหน้าคดีอุ้มบุญว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างรอให้ นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล แพทย์เจ้าของคลินิกออลไอวีเอฟ ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามารายงานตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี แต่เนื่องจาก นพ.พิสิฐขอเลื่อนพบพนักงานสอบสวนไปเป็นวันที่ 6 กันยายนนี้ จึงต้องรอจนกว่าจะเข้าพบ หากไม่มาตามกำหนด ตำรวจอาจพิจารณาขออนุมัติศาลออกหมายจับได้หากพิจารณาแล้วว่า ไม่มีเหตุอันควรให้เลื่อนพบอีก แต่เชื่อว่า น.พ.พิสิฐ จะมาตามกำหนดเนื่องจากต้องการพิสูจน์ความจริง
ส่วน นายชิเกตะ มิตซูโตกิ พ่อชาวญี่ปุ่นที่ว่าจ้างทำเด็กอุ้มบุญในเมืองไทยหลายคนนั้น ขณะนี้ยังไม่พบความผิด ตำรวจต้องดำเนินคดีกับแพทย์และสถานประกอบการ อย่างไรก็ตามเชื่อว่า นายชิเกตะ อาจเดินทางมาประเทศไทยเนื่องจากต้องการพิสูจน์ความจริงเช่นกัน ตอนนี้อยู่ระหว่างการประสานงานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ตร.จ่อเรียกแม่อุ้มบุญสอบเพิ่ม
ด้าน พ.ต.อ.เดชา พรมสุวรรณ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ลุมพินี กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้ตรวจสอบสำนวนอย่างละเอียด และเตรียมประสานไปยังหญิงที่เป็นแม่อุ้มบุญทั้ง 11 คน ให้ทยอยเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน แต่ยังไม่สามารถระบุวันเวลาได้ว่าจะสามารถนัดมาได้ช่วงใด
สำหรับกรณีทนายความของ นพ.พิสิฐ ขอเลื่อนนัดเข้าให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวนนั้น ขณะนี้กำลังปรึกษากับทางฝ่ายสอบสวน เนื่องจากการเลื่อนนัดให้ปากคำของ นพ.พิสิฐ ไปเป็นวันที่ 6 กันยายน นานเกินไป จากนี้จะทำการติดต่อกับทนายความเพื่อให้พิจารณาเลื่อนนัดให้เร็วขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นภายในช่วงสัปดาห์หน้า ส่วนจะเป็นวันและเวลาใด ยังไม่สามารถยืนยันได้ และหาก นพ.พิสิฐ ยังไม่สามารถมาสอบปากคำตามหมายเรียกได้ตามกำหนด หรือไม่มีเหตุอันควรให้เลื่อนจากหมายเรียก ก็จะขออนุมัติหมายจับในทันที
เต้นสั่งสอบหมู่บ้านอุ้มบุญ
วันเดียวกัน นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่า มีหญิงในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ อ.หล่มสัก มีการรับจ้างอุ้มบุญทั้งหมู่บ้าน จึงได้สั่งการให้ นายสมยศ รอดแช่ม นายอำเภอหล่มสัก และ นางเกสร วงษ์มณี สาธารณสุขอำเภอหล่มสัก พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ระบุว่า ไม่ได้รับความร่วมมือจากคนในหมู่บ้าน และจากแม่อุ้มบุญใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งยังถูกกีดกันจากคนใกล้ชิดในครอบครัวอีกด้วย
แฉสาวมือรับจ้างเผ่นหนีหมด
โดยคณะของ นายสมยศ ได้เดินทางไปพบประธาน อสม.ประจำหมู่บ้านอุ้มบุญ ก็ได้รับคำชี้แจงว่า แม่อุ้มบุญซึ่งอยู่ระหว่างตั้งครรภ์รอคลอด อีก 5 ราย พากันหนีไปที่กรุงเทพฯ ทั้งหมดแล้ว หลังเรื่องนี้ถูกตีแผ่จนเป็นที่พูดถึงอย่างมากในสังคม โดยรายสุดท้ายเพิ่งเดินทางออกจากหมู่บ้านเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้มีข้อมูลว่า สามีภรรยาชาวต่างชาติที่ว่าจ้างให้หญิงสาวในหมู่บ้านทำการอุ้มบุญมีหลายเชื้อชาติ อาทิ จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์และอิสราเอล โดยแม่อุ้มบุญจะได้รับเงินค่าจ้างในระหว่างตั้งครรภ์เดือนละประมาณ 10,000 บาท และหญิงส่วนใหญ่ที่รับอุ้มบุญ เคยมีสามีและครอบครัวมาก่อน โดยจะมีนายหน้ามาติดต่อขณะไปทำงานที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
สำหรับ ต.ปากช่อง เป็นตำบลใหญ่มี 17 หมู่บ้าน คนส่วนหนึ่งในวัยทำงานออกจากบ้านไปหาทำงานต่างจังหวัด โดยเฉพาะที่กรุงเทพฯ ส่วนคนที่รับเป็นแม่อุ้มบุญมีนายหน้ามาติดต่อ เมื่อจะคลอดก็จะมีคนรับตัวไปคลอดที่อื่น
สรรพากรฮึ่มสอบภาษีคลินิกอุ้มบุญ
ด้าน นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับรายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจสอบภาษีย้อนหลังสถานพยาบาลที่รับทำอุ้มบุญทุกแห่ง รวมทั้งการตรวจสอบรายได้ นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล นายแพทย์เจ้าของคลินิกออลไอวีเวฟ แต่ยันยันว่ากรมสรรพากรพร้อมจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบดังกล่าวอย่างเต็มที่
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลภาษีย้อนหลังของกรมสรรพากร กำหนดให้ผู้เสียภาษีต้องเก็บเอกสารทางบัญชีและภาษีไม่น้อยกว่า 5 ปี ภายใต้เงื่อนไขต้องยื่นแบบทุกปี ไม่ว่าผู้เสียภาษีจะยื่นแบบภาษีถูกหรือยื่นผิดก็ตาม ตามปกติเจ้าพนักงานสรรพากรมีสิทธิประเมินย้อนหลังไม่เกิน 2 ปี หากตรวจสอบแล้วพบว่าเกิดการหลีกเลี่ยงภาษี เจ้าพนักงานสรรพากรมีอำนาจประเมินขยายระยะเวลาได้ถึง 5 ปี แต่ผู้เสียภาษีไม่เคยยื่นแบบเลย กรมสรรพากรสามารถประเมินย้อนหลังได้ไม่เกิน 10 ปี
ทั้งนี้ หากมีหลักฐานที่แน่ชัดว่ามีการหลีกเลี่ยงภาษีจะถูกปรับตามระยะเวลาย้อนหลังตามจริงที่กรมสรรพากรตรวจพบ และยังมีความผิดทางอาญา โดยถือเป็นความผิดฐานเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี อันเป็นความผิดตามมาตรา 37 แห่งประมวลรัษฎากร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-200,000 บาท
“ประยุทธ์”สั่งสธ.ดูแลแม่อุ้มบุญ
เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย(ทรท.) เรื่องการจัดระเบียบ ปรับปรุงข้อกฎหมายอุ้มบุญว่า วันนี้กฎหมายไม่ชัดเจนต้องไปแก้ใน สตช. ในระหว่างนี้ให้มีการตรวจสอบเป็นไปตามข้อกฎหมายเดิมอยู่บางประการ การจะแก้ไขให้ยั่งยืน ต้องดำเนินการทันที เพราะเกรงว่าผู้หญิงไทยที่รับอุ้มบุญแล้วไม่กล้าไปปรึกษาแพทย์ เพราะกลัวจะถูกดำเนินคดี
“พอไม่ไปหาแพทย์สุขภาพตัวเองก็แย่ ก็อุ้มบุญอยู่ในท้อง ไปหาหมอก็ไม่กล้า คลินิกที่จ้างหรือที่ให้ทำก็ถูกปิด เพราะฉะนั้นอันตรายกับเด็ก ผมสั่งการไปแล้ว ให้ผ่อนผันเป็นรายๆ ไป ไปแสดงหลักฐานให้ชัดเจน ขอความร่วมมือจากโรงพยาบาล การบริการทางการแพทย์ของรัฐโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข ช่วยดูแลเรื่องนี้ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี