'สพฐ.'เตรียมปรับหลักสูตรการศึกษารอบสอง สนองนโยบาย'คสช.'
วันอังคาร ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557, 15.16 น.
Tag :
26 ส.ค. 57 นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แถลงการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าสพฐ. เตรียมปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานครั้งใหญ่อีกรอบ ภายหลังประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 มาเป็นเวลา 6 ปี และมีการประกาศใช้ครบทุกช่วงชั้นแล้ว ซึ่งตามปกติจะต้องมีการทบทวนหลักสูตรใหม่ อีกครั้งเมื่อใช้หลักสูตรไประยะหนึ่ง เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป อีกทั้งจากการติดตามผลการใช้หลักสูตร โดยหน่วยงานภายในของสพฐ. และได้ให้มหาวิทยาลัยศิลปากร (มศก.) และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยหรือทีดีอาร์ไอ สะท้อนมุมมองจากภายนอกพบว่า แม้หลักสูตรพ.ศ.2551 จะครอบคลุมการเรียนรู้ที่สำคัญสอดคล้องกับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และสอดคล้องกับการเตรียมคนเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แต่เนื่องจากสภาพสังคมในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลง ความคาดหวังของสังคมต่อการศึกษามีมากขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทบทวนหลักสูตรรวมถึงการเรียนการสอน ให้ทันสมัยขึ้น เพื่อคุณภาพของผู้เรียน โดยจะมีการทบทวนตั้งแต่โครงสร้างหลักสูตร เวลาเรียนที่เหมาะสม การแบ่งกลุ่มสาระวิชาออกเป็น 8 กลุ่มสาระมีความเหมาะสมหรือไม่ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่
“ขณะนี้คณะอนุกรรมการวิชาการและพัฒนาหลักสูตรของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)นายอาจองค์ ชุมสาย ณ อยุธยา เป็นประธาน กำลังศึกษารายละเอียดต่างๆ ร่วมกับสพฐ. เพื่อสรุปหลักการ และแนวทางของการปรับหลักสูตรใหม่ เสนอคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พิจารณาเห็นชอบให้มีการปรับหลักสูตรครั้งใหญ่ พร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาปรับหลักสูตร โดยการปรับหลักสูตรครั้งนี้จะปรับทั้งหมด เริ่มตั้งแต่การกำหนดเป้าหมายในการจัดการเรียนการ และคุณลักษณะที่ต้องการ จากนั้น จะมาทบทวนเนื้อหาที่จะใส่ไว้ในหลักสูตรใหม่ เมื่อตรงนี้ชัดเจนแล้ว จึงจะรู้ว่าหลักสูตรใหม่ ควรจะแบ่งออกเป็นกี่กลุ่มสาระวิชา และมีโครงสร้างเวลาเรียนเท่าไหร่ สำหรับตอนนี้ยังให้คำตอบไม่ได้ว่าการปรับหลักสูตรครั้งนี้จะช่วยลดเวลาเรียนลงหรือไม่ แต่สพฐ. จะนำปัญหาที่เกิดจากการใช้หลักสูตรครั้งนี้ทั้งหมด อาทิ ปัญหาโครงสร้างเวลาเรียน ปัญหาการบ้านที่มากเกินไป รวมทั้งปัญหาอื่นๆ มาเป็นข้อพิจารณาในการปรับหลักสูตรครั้งนี้ด้วย ส่วนการปรับหลักสูตรวิชาประวัติศาสตรและหน้าที่พลเมืองนั้น ขณะนี้สพฐ. ได้เตรียมจัดพิมพ์หนังสืออ่านนอกเวลา และหนังสืออ่านเพิ่มเติม รวมถึงจะเริ่มจัดอบรมครูแกนนำระดับมัธยมศึกษา 4 รุ่น จำนวน 1,206 คน เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงตุลาคม 2557 เพื่อให้ครูแกนนำไปขยายผลให้ครอบคลุมใน 225 เขตพื้นที่ ให้สามารถดำเนินการได้ทันทีในภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2557 นี้” นายกมล กล่าว
ด้านนายสุชาติ วงศ์สุวรรณ อดีตผู้ตรวจราชกา รศธ. ในฐานะคณะทำงานจัดทำรายวิชาหน้าที่พลเมือง กล่าวว่า ที่ผ่านมาสพฐ. ได้มีการเตรียมความพร้อม ในการจัดการเรียนการสอนวิชาหน้าที่พลเมืองตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะให้สถานศึกษาเริ่มจัดการเรียนการสอน ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2/2557 โดยสรุปแล้ว วิชาหน้าที่พลเมืองจะใช้ชั่วโมงเรียนในรายวิชาเพิ่มเติม ซึ่งตามปกติ โรงเรียนจะเป็นผู้เลือกรายวิชาเพิ่มเติมเอง แต่เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนในวิชานี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สพฐ. จึงกำหนดโครงสร้างหลักสูตรของวิชาหน้าที่พลเมืองพร้อมรายละเอียดของเนื้อหา ให้โรงเรียนนำใช้ โดยโครงสร้างหลักสูตร ระดับประถม จะเรียนทั้งหมด 6 รายวิชา ใช้เวลาเรียน 40 ชั่วโมงต่อปี ระดับมัธยมต้น เรียน 6 รายวิชา ใช้เวลาเรียน 20 ชั่วโมงต่อภาคเรียน คิดเป็น 3 หน่วยกิต ส่วนระดับม.ปลาย เรียนทั้งหมด 4 วิชา รวม 2 หน่วยกิต โดยโรงเรียนสามารถเลือกจัดการเรียนการสอนในชั้นใดก็ได้ แต่ให้ครบตามเวลาที่กำหนด คือ 80 ชั่วโมง ใน 3 ปี
“จริง ๆ แล้วเนื้อหาวิชาหน้าที่พลเมืองมีอยู่ในวิชา สังคมศึกษาและบูรณาการกลุ่มสาระอื่น ๆ อยู่แล้ว แต่จะเป็นการสอนในเชิงหลักการ เน้นคุณธรรมจริยธรรม ส่วนวิชาหน้าที่พลเมืองที่กำหนดขึ้นมาใหม่จะเน้นการปฏิบัติต่อยอดจากการเรียนหลักการ เพราะฉะนั้นการจัดการเรียนการสอนจึงเป็นในรูปแบบกิจกรรม ซึ่งสพฐ.ได้ทำตัวอย่างหน่วยการเรียนรู้ ส่งให้ส่งเรียนใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ด้วย”นายสุชาติ กล่าว