ทนายยุ่นเลื่อนนัดตร.
ถกทวงเด็กกลับญี่ปุ่น
‘แพทยสภา’ยัน9ก.ย.
ชี้ความผิดหมออุ้มบุญ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 สิงหาคมพ.ต.อ.ภาคภูมิ พูลสิริโภคา หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีอุ้มบุญว่า นายก้อง สุริยะมณฑล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก นายชิเกตะ มิตซูโตกิ พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น ได้ขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยระบุว่าอยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสาร และยังไม่ได้กำหนดว่าจะเข้าพบอีกครั้งเมื่อใด โดยก่อนหน้านี้ นายก้อง ได้นำสำเนาเอกสารของนายชิเกตะที่ขอนำบุตรออกนอกประเทศมามอบให้ตำรวจแล้ว ทั้งนี้ หากต้องการนำบุตรออกนอกประเทศจะต้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อชี้แจง และนำสืบให้ศาลเห็นว่า จะนำเด็กไปเลี้ยงดูอย่างไร เป็นบุตรของผู้ร้องจริงหรือไม่ และแม่เด็กต้องยินยอมด้วย
อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการประสานตำรวจสากลให้ติดตามพฤติกรรมของนายชิเกตะที่ประเทศญี่ปุ่น แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการยืนยันว่านายชิเกตะอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นหรือไม่ และยังไม่มีรายงานว่าเข้ามาในประเทศไทยเมื่อใด
พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่านายชิเกตะมีบุตรที่เกิดจากการอุ้มบุญ 15 คน และอยู่ระหว่างการตั้งครรภ์อีก 1 คน ส่วนทารก 4 คนที่มีข่าวว่าถูกนำออกนอกประเทศไปแล้วทางทนายไม่ได้ชี้แจงที่อยู่ของเด็ก แต่ได้นำภาพถ่ายมายืนยันว่าทั้งหมดมีความเป็นอยู่ที่ดี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายชิเกตะได้ เนื่องจากยังไม่เข้าข่ายความผิดใด
ขู่หมอพิสิฐเบี้ยวเจอหมายจับ
ด้าน พ.ต.อ.เดชา พรมสุวรรณ์ หัวหน้าพนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สน.ลุมพินี เปิดเผยว่า วันเดียวกันนี้ ได้รับการประสานจากแม่อุ้มบุญรายที่ 8 ว่าจะขอเข้าให้ปากคำนอกสถานที่ เพราะไม่ต้องการพบสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าว ส่วนแม่อุ้มบุญอีก 3 ราย ได้ติดต่อที่จะเข้าให้ปากคำแล้วเช่นกัน ขณะที่กรณีของ น.พ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล เจ้าของสถานพยาบาลออลไอวีเอฟ เวชกรรม เฉพาะทางสูตินารีเวช นั้น ได้รับการติดต่อจากทนายความว่า มีการเปลี่ยนตัวทนายความ ซึ่งตำรวจมองว่าเป็นข้ออ้างที่จะไม่นำตัว น.พ.พิสิฐ เข้าพบเจ้าหน้าที่ตามกำหนด และยืนยันว่า จะไม่มีการเลื่อนนัดอีกแล้ว หากไม่มาพบเจ้าหน้าที่ในวันที่ 6 กันยายน ก็จะดำเนินการออกหมายจับทันที
คาดกม.อุ้มบุญบังคับใช้ทันปีนี้
วันเดียวกัน ที่อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และแพทยสภา จัดประชุมเรื่อง “การให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์” โดยมีสูตินารีแพทย์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ฯ กว่า 70 คน เข้าร่วมประชุม
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า การอุ้มบุญโดยผิดกฎหมายปัจจุบันมีเพียงประกาศแพทยสภาไม่มีกฎหมายบังคับใช้ จึงทำได้เพียงเอาผิดกับแพทย์ แต่หากร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ พ.ศ... ที่เพิ่มการลงโทษทางอาญาก็จะแก้ไขปัญหานี้ได้ ซึ่งขณะนี้ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้รับหลักการแล้ว แต่กระทรวงสาธารณสุขได้ทักท้วงในบางประเด็น จึงต้องนำกลับมาพิจารณาใหม่ในชั้นสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยส่วนตัวเห็นว่า กฎหมายไม่ควรมีการรัดกุมมากจนเกินไป เพราะหากเกิดปัญหาหรือบริบททางสังคมเปลี่ยนแปลงในอนาคตจะไปแก้ไขได้ยาก
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวน่าจะพิจารณาแล้วเสร็จสามารถบังคับใช้ได้ภายในปีนี้ โดยหลักเกณฑ์ของร่างพ.ร.บ. จะไม่เน้นเอาผิดกับพ่อแม่ของเด็กและหญิงอุ้มบุญ เพราะหากบุคคลดังกล่าวถูกดำเนินคดีก็จะส่งผลกระทบต่อเด็กโดยตรง จึงเน้นเอาผิดกับแพทย์และนายหน้าจัดหาหญิงอุ้มบุญ รวมถึงผู้เกี่ยวข้องในขบวนการอุ้มบุญผิดกฎหมายทั้งหมด
สรุปความเห็นฟันหมอ9ก.ย.นี้
ส่วนความคืบหน้าในการสอบสวนแพทย์ ที่เข้าข่ายกระทำความผิดการทำอุ้มบุญผิดกฎหมายก่อนหน้านี้ ขณะนี้ได้รับรายงานจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)แล้วเพียง 3 คน คือ แพทย์กรณีอุ้มบุญน้องแกรมมี่ และกรณีอุ้มบุญให้พ่อชาวญี่ปุ่น ซึ่งหมดได้มาชี้แจงต่อแพทยสภาแล้ว เบื้องต้นพบว่ากระทำผิดข้อบ่งชี้การอุ้มบุญที่ไม่ใช่เครือญาติ โดยแพทยสภาจะมีการประชุมกันวันที่ 9 กันยายน เพื่อลงความเห็นก่อนที่จะสรุปและส่งไปยังคณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ เพื่อพิจารณาลงโทษต่อไป
ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รองอธิบดี สบส. เปิดเผยว่า ประเด็นที่กระทรวงสาธารณสุขทักท้วงได้แก่ ควรเพิ่มมีภาคประชาสังคมเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ และการเพิ่มโทษทางอาญา ซึ่งเดิมมีเพียงโทษทางจริยธรรมเท่านั้น ทั้งนี้ ขอให้ยึดโยงความเป็นเครือญาติตามประกาศของแพทยสภาเดิม โดยเปิดช่องให้มีการยกเว้นในกรณี แต่ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน อีกทั้งในร่างฉบับใหม่นี้ อาจมีการเพิ่มในเรื่องการยุติการตั้งครรถ์หากพบว่าเด็กมีความผิดปกติ
ออสซี่หารือไทยออกกม.อุ้มบุญ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.30 น. Mr.Peter Vorghese ปลัดกระทรวงการต่างประเทศและการค้า ประเทศออสเตรเลีย เข้าพบนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อหารือถึงกฎหมายการตั้งครรภ์แทน หรืออุ้มบุญในประเทศไทย รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูล สภาพปัญหา เพื่อที่จะทำให้เด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญได้ไปอยู่กับผู้ปกครองที่แท้จริงและถูกต้อง โดยได้รับสิทธิต่างๆ ตามหลักมาตรฐานสากล ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีชาวออสเตรเลียเข้ามาทำอุ้มบุญในประเทศไทยประมาณ 200 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี