1 ก.ย.57 ที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) พร้อมด้วย นายขวัญชัย พานิชการ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี และผู้บริหาร ได้ร่วมแถลงข่าวชี้แจงกรณีนักศึกษาของวิทยาลัยปทุมธานี จัดกิจกรรมรับน้องจนเป็นเหตุให้มีนักศึกษาเสียชีวิต
โดยนายขวัญชัย กล่าวว่า เบื้องต้น ทางวิทยาลัยได้ตรวจสอบมูลและประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ข้อมูลว่า ผลการชันสูตรเบื้องต้นไม่มีหลักฐาน หรือร่องรอยการทำร้ายร่างกาย และทราบจากการสอบถามผู้ปกครองว่า ผู้ปกครองได้แจ้งในใบมรณบัตรว่า สาเหตุการเสียชีวิตเพราะระบบโลหิตล้มเหลว ซึ่งเด็กที่เสียชีวิตป่วยโรคลูคีเมียอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม จะต้องรอผลตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้ง ส่วนประเด็นเรื่องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น จากการสอบถามนักศึกษาที่ร่วมเดินทางไปครั้งนี้ ยังไม่พบหลักฐานชัดเจนว่า นักศึกษาที่เสียชีวิตรายดังกล่าว ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ และไม่ชัดเจนว่า มีการบังคับให้ดื่มหรือไม่ แต่นักศึกษายอมรับว่า ในกิจกรรมครั้งนี้ มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ด้วย แต่ใครจะดื่มหรือไม่ดื่มก็ได้ อย่างไรก็ตาม เด็กที่ไปร่วมกิจกรรมครั้งนี้ มีทั้งสิ้น 54 คน แบ่งเป็นศิษย์ปัจจุบันระดับ ปวช.2-ปวส.2 จำนวน 27 คน ศิษยเก่า 12 คน และระดับปวช.1 จำนวน 15 คน เป็นการไปแบบรุ่นพี่ชักชวนไปโดยสมัครใจ
ซึ่งในส่วนของศิษย์เก่าคาดว่า จะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ขณะที่ศิษย์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นรุ่นพี่ นอกจากจะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายแล้ว ทางวิทยาลัยจะต้องลงโทษตามระเบียบของวิทยาลัย เบื้องต้น จะต้องเข้าสู่กระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยผู้ปกครองจะต้องให้ความร่วมมือกับสถานศึกษา
ด้านนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า ในวันนี้ ตนได้ลงนามในคำสั่ง สอศ.ที่ 1142/57 ลงวันที่ 1 ก.ย.2557 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง นายขวัญชัย พานิชการ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี ว่ามีการกรณีปล่อยปละละเลยให้นักศึกษารุ่นพี่จัดกิจกรรมรับน้อง จนเกิดเหตุร้ายแรงส่งผลให้ นายโภคัย แสงโรจน์รัตน์ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 1 สาขาวิชาช่างก่อสร้างเสียชีวิตหรือไม่ โดยมี นายสิทธิศักดิ์ รัตนพาณิชย์ ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาเกษตรกรรมและประมง สอศ.เป็นประธาน ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และแจ้งผลภายใน 5 วัน เสนอผลการสืบสวนมายังตนเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป
ส่วนการดำเนินการกับรุ่นพี่ที่ก่อเหตุนั้นได้กำชับสถานศึกษาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้ดำเนินการตามระเบียบกับครู นักเรียนนักศึกษาที่ร่วมก่อเหตุทุกคน รวมทั้งให้ดูแลนักเรียนนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ด้วย
เลขาธิการ กอศ. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังได้ออกหนังสือเวียนถึงผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัด สอศ.ทั่วประเทศ เพื่อซักซ้อมมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการรับน้องและการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาเรียนอย่างมีคุณภาพและมีความสุข และขอยืนยันว่า สอศ.ไม่มีนโยบายให้สถานศึกษาในสังกัดจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ การจัดกิจกรรมนอกสถานศึกษาไม่ว่าจะจัดโดยครู อาจารย์ หรือกลุ่มนักเรียนนักศึกษา จะต้องขออนุญาตจากผู้บริหารสถานศึกษา และต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง โดยกิจกรรมต้องเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ส่งเสริมความประพฤติ พัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมและส่วนรวม ที่สำคัญต้องไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลทั้งร่างกายและจิตใจ และต้องไม่นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาใช้ในการจัดกิจกรรมทุกประเภท โดยให้สถานศึกษากำหนดมาตรการเฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิด และให้ผู้ปกครองเข้ามาช่วยสอดส่องด้วย
ขณะที่นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ. ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงกรณีการรับน้องที่ปรากฎเหตุการณ์มีนักเรียนจของวิทยาลัยเทคนิคปทุมธานีเสียชีวิตจากเหตุการณ์รับน้อง โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) รายงานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่บริเวณหาดทรายน้อย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะรุ่นพี่หัวโจกมาชักชวนรุ่นน้องไปโดยทางสถาบันไม่ทราบเรื่อง และขณะนี้ สอศ.ได้ตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว โดยผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคก็จะต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่าน ศธ.ได้มีการหารือเพื่อหามาตรการป้องกันเหตุการรับน้องรุนแรงมาต่อเนื่อง โดยหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในกำกับทั้งสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) รวมทั้ง สอศ.ได้มีการออกแนวปฏิบัติ หรือ มาตรการป้องกันการรับน้อง ซึ่งปัญหาการรับน้องนั้นก็เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีความเป็นห่วงและกำชับให้ดูแลอย่าให้เกิดเหตุอันไม่พึงประสงค์ ซึ่งวันนี้ที่ประชุมก็ได้เน้นย้ำกับองค์กรหลักอีกครั้งด้วยว่าขอให้เข้มงวด ตรวจตรา หากเกิดเหตุใดขึ้นผอ.สถานศึกษาก็ต้องรับผิดชอบแม้ว่าเด็กจะไปกันเอง ต้องมีการติดตามหาข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้เท่าทันกับพฤติกรรมของนักเรียนด้วย เพื่อจะได้ป้องกันเหตุได้ทัน
ด้าน นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) กล่าวว่า ทั้ง สอศ.และ สช.มีข้อตกลงร่วมกันในการกำหนดมาตรการป้องกันการรับน้อง โดยมาตรการสำคัญคือ ต้องจัดอย่างสร้างสรรค์ ไม่กระทบสิทธิมนุษยชน ห้ามจัดนอกสถานศึกษา และการจัดกิจกรรมรับน้องจะต้องมีครูอาจารย์ดูแลอย่างใกล้ชิด มีส่วนร่วมในการดูแลร่วมกันซึ่งป้องกันได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี