จากวิกฤติศัตรูข้าว “เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล” ระบาดทำลายผลผลิตข้าวของชาวนาปริมาณมากในปี 2553 ประกอบกับปริมาณน้ำต้นทุนของประเทศที่จะส่งเข้าสู่ภาคเกษตรมีจำกัด อีกทั้งการผลิตข้าวของชาวนาที่ทำนาต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนสูงและไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
นายชาญพิทยา ฉิมพาลี อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า จากสภาพปัญหาของพี่น้องชาวนาที่ต้องประสบ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ศัตรูข้าวที่ทำลายผลผลิตของพี่น้องชาวนาอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งวิกฤติการขาดแคลนน้ำ และน้ำท่วม ไปจนถึงการทำนาต่อเนื่องไม่พักนายิ่งส่งผลให้เกิดวิกฤติดินเสื่อมโทรม ก็ทำให้ชาวนามีการใช้ปุ๋ยเคมีเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับพืชผลมากขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อปลูกข้าวตลอดก็เพิ่มโอกาสเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค แมลง ชาวนาก็ต้องใช้สารเคมีเพิ่มขึ้น ดังนั้น ทุกการกระทำจึงเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตเข้าไปอีก
นายชาญพิทยา ฉิมพาลี
ฉะนั้น มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2554 จึงเห็นชอบให้ดำเนินโครงการจัดระบบการปลูกข้าว ระยะเวลาดำเนินการรวม4 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2554 ไปจนถึงปี 2557 ซึ่งกรมการข้าวเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ดำเนินการร่วมกับอีก 6 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมุ่งเน้นไปที่การปฏิรูประบบการปลูกข้าวใหม่ ส่งเสริมให้ปลูกข้าวปีละไม่เกิน 2 ครั้ง งดเว้นการปลูกข้าวแบบต่อเนื่อง ให้หันมาปลูกพืชหลังนาที่ใช้น้ำน้อยคั่น สลับกับการปลูกข้าว อย่างถั่วเขียว ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือพืชปุ๋ยสดเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน รวมถึงให้มีการปลูกข้าวพร้อมกันในบริเวณพื้นที่เดียวกันในแต่ละโครงการชลประทานจะได้จัดสรรน้ำได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการน้ำของข้าวในแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ตัดวงจรการระบาดของศัตรูข้าวและข้าววัชพืช เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนการผลิตข้าว และรักษาระบบนิเวศน์ในแปลงนาให้ดีขึ้นจนเข้าสู่ภาวะสมดุล
ทั้งนี้ จากการดำเนินการมาในช่วงปี 2554-2556 พบว่าเกษตรกรให้ความสนใจและให้ความร่วมมือเข้าร่วมโครงการจัดระบบการปลูกข้าวเป็นอย่างดี สำหรับการดำเนินโครงการจัดระบบการปลูกข้าว ปี 2557 จะดำเนินการในพื้นที่ 12 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ พิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร สุโขทัย และฉะเชิงเทรา ผลจากการจัดเวทีชุมชน จำนวน 73 ครั้ง มีเกษตรกรที่เข้าร่วม 19,238 คน พื้นที่จัดระบบปลูกข้าว 476,653.45 ไร่ โดยเกษตรกรมีความต้องการปลูกพืชหลังนาและพืชปุ๋ยสดรวม 96,555.50 ไร่ แยกเป็นพืชหลังนา 59,479.50 ไร่ และพืชปุ๋ยสด 37,075 ไร่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้จัดหาเมล็ดพันธุ์เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการแล้ว แบ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวจำนวน 245.355 ตัน คิดเป็นพื้นที่ 49,071 ไร่ เมล็ดพันธุ์พืชหลังนาอื่นๆ ได้แก่ ถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวโพดฝักอ่อน ข้าวโพดหวาน ถั่วลิสง รวม 3,702 กิโลกรัม คิดเป็นพื้นที่ 323 ไร่ สนับสนุนพืชปุ๋ยสด ได้แก่ ถั่วพร้า ถั่วพุ่ม ถั่วมะแฮะ โสนแอฟริกัน ปอเทือง รวม 133.25 ตัน ในพื้นที่ 27,417 ไร่ สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงเดือนกันยายนนี้ คือการสนับสนุนพืชหลังนา (ถั่วเขียว) จำนวน 15,535 กิโลกรัม คิดเป็นพื้นที่ 3,107 ไร่ ดำเนินการในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพลายชุมพล ส่วนเมล็ดพันธุ์พืชหลังนาอื่นๆ อีกจำนวน 361.50 กิโลกรัม จะดำเนินการในพื้นที่โครงการชลประทานนครสวรรค์ พื้นที่ประมาณ 2,773 ไร่
“การจัดระบบการปลูกข้าวใหม่ ที่มุ่งส่งเสริมให้พี่น้องชาวนาปลูกข้าวปีละไม่เกิน 2 ครั้ง ซึ่งลดลงจากเดิมที่มักจะปลูกต่อเนื่องปีละ 3 ครั้งหรือ 5 ครั้งภายใน 2 ปี แม้จะปลูกข้าวน้อยลงแต่ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นมีมากมาย ทั้งเรื่องผลผลิตที่เพิ่มขึ้นและมีคุณภาพ จากการได้เว้นปลูกข้าว พักดินหรือปลูกพืชปรับปรุงดินทำให้ดินฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ ข้าวเจริญงอกงามได้ดีขึ้น ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีลดลง ลงทุนก็น้อยลงด้วย อีกทั้งเมื่อปลูกพืชหลังนาก็สามารถสร้างรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง ที่สำคัญยังสามารถตัดวงจรการระบาดของศัตรูพืช ลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากนี้ก็ยังสามารถช่วยลดปริมาณการใช้น้ำ ซึ่งนับวันต้นทุนน้ำในเขื่อนก็ไม่ค่อยเพียงพอ จะได้มีการจัดสรรน้ำสู่ภาคเกษตร ภาคการบริโภคและอุตสาหกรรมได้อย่างสมดุลมากขึ้น” อธิบดีกรมการข้าว กล่าวย้ำ
แม้ว่าโครงการจัดระบบการปลูกข้าว ไม่ได้เป็นโครงการภาคบังคับ เป็นภาคสมัครใจ ที่ขึ้นอยู่กับความต้องการของชาวนาว่าจะนำแนวทางไปปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งเท่าที่ดำเนินโครงการต่อเนื่องมา 3 ปี พื้นที่กว่า 3 ล้านไร่ เกษตรกรกว่า 3 แสนรายที่พร้อมใจกันเข้าร่วมจัดระบบปลูกข้าวต่างก็ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะเห็นผลความเปลี่ยนแปลง ในด้านระบบนิเวศน์ในแปลงนาดีขึ้น ผลผลิตเพิ่มขึ้น ที่สำคัญสามารถลดต้นทุนการผลิตอย่างน้อย 400 บาทต่อตัน นี่น่าจะเป็นบทพิสูจน์อย่างดีว่าโครงการจัดระบบการปลูกข้าวคงจะเป็นทางเลือก ทางรอดของพี่น้องชาวนาอย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี