กักตัวหาเชือ‘อีโบลา’
หญิงชาวกินี
เข้าไทยตามหาสามี
อาการไข้สูงแถมอาเจียน
ผลตรวจเบื้องต้นเป็นลบ
สธ.เผยต้องเช็คสองรอบ
ติดตามดูอีก16คนใกล้ชิด
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 กันยายน ที่กระทรวงสาธารณสุขจ.นนทบุรี นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)พร้อมนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงผลการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศไทย
โดยนายแพทย์ณรงค์กล่าวว่า จากมาตรการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสอีโบลาจนถึงช่วงเย็นวันที่ 1 กันยายน พบผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคอีโบลา 1 ราย นับเป็นรายแรกของประเทศ โดยเป็นหญิงชาวกินี อายุ 24 ปี เดินทางมาจากประเทศกินี ที่มีการระบาดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ผ่านด่านควบคุมโรคโดยไม่พบว่ามีไข้ แต่เริ่มมีอาการไข้เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม จึงไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง โดยพบว่า มีอาการไข้ 38.8 องศาเซลเซียส เจ็บคอ มีน้ำมูกและอาเจียน จึงรับตัวไว้ดูแลรักษาอาการที่ห้องแยกโรคของโรงพยาบาลในสังกัด ที่มีการควบคุมความดัน (Negative Pressue) ตามมาตรฐานสากลเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมเจาะเลือดส่งตรวจหาเชื้ออีโบลาครั้งที่ 1 ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คาดว่าจะทราบผลเบื้องต้นในวันนี้ และวางแผนเจาะเลือดตรวจซ้ำครั้งที่ 2 วันที่ 4 กันยายน ยืนยันผลตรวจ เพื่อความมั่นใจ
“ขณะนี้หญิงรายดังกล่าวไข้ลดลงแล้ว ส่วนการดูแลผู้ป่วยในห้องแยกโรคตามมาตรฐานนั้น เจ้าหน้าที่ใส่ชุดกาวน์กันน้ำป้องกันตนเอง ทำให้มั่นใจในการดูแล ยืนยันว่าขณะนี้หญิงรายดังกล่าวยังไม่ถือว่าเป็นผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วย แต่ถือว่าเข้าข่ายต้องสอบสวนโรค ส่วนผู้สัมผัสหญิงรายดังกล่าวพบว่ามี 16 คน โดยจะติดตามดูแลแยกตัวควบคุมโรคตามมาตรฐาน”ปลัด สธ. กล่าว
ด้านนพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.)กล่าวเพิ่มเติมว่า ทีมสอบสวนโรคประจำจังหวัดสอบสวนโรคเบื้องต้น พบว่าหญิงรายดังกล่าวเดินทางเข้ามาหาสามีที่ทำธุรกิจอยู่ในในไทย แต่จากการตรวจสอบพบว่า สามีของหญิงรายนี้ เดินทางออกไปต่างประเทศตั้งแต่เมื่อ 5 เดือนก่อนแล้ว จึงยังไม่มีประวัติสัมผัส อย่างไรก็ตาม คร.ส่งเจ้าหน้าที่สอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว (SART) จากส่วนกลางลงพื้นที่แล้ว คาดว่าจะได้ข้อมูลสอบสวนโรคที่มากยิ่งขึ้น
ส่วนการติดตามผู้สัมผัสหญิงรายดังกล่าวพบมีทั้งหมด 16 คน เป็นทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ซึ่งทุกรายอาการปกติ แต่จะต้องสัมภาษณ์ว่ามีการสัมผัสใกล้ชิดกับหญิงรายดังกล่าวมากขนาดไหน หากมีความเสี่ยงสูงก็จะรับไว้ในห้องแยกโรคของโรงพยาบาลเพื่อติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะพ้น 21 วันตามระยะการฟักตัวของโรค หรือจนกว่าผลการตรวจเลือดของหญิงรายดังกล่าวจะชัดเจนว่าไม่ได้ติดเชื้ออีโบลา
สำหรับอาการของผู้ป่วยหญิงคนดังกล่าวนั้น นพ.โสภณเผยว่า เช้าวันนี้ อาการผู้ป่วยดีขึ้น ตรวจวัดสัญญาณชีพและวัดไข้ทุก 4 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ป่วยทุกคนใส่ชุดป้องกันการติดเชื้อ และเครื่องมือแพทย์ที่ใช้กับผู้ป่วย ได้ทำความสะอาดฆ่าเชื้ออย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากผลตรวจทางห้องปฏิบัติการให้ผลลบทั้ง 2 ครั้ง ก็จะนำผลเข้าสู่การพิจารณาของทีมผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการที่มี ศ.เกียรติคุณ นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ เป็นประธาน เพื่อวินิจฉัยและตัดออกจากระบบการเฝ้าระวังสอบสวนโรค ส่วนผู้สัมผัสทั้งหมดก็จะยุติการติดตาม
นพ.โสภณกล่าวต่อว่า อาการของผู้ที่เข้าเกณฑ์ต้องสอบสวนโรคอีโบลามีทั้งหมด 4 กลุ่มคือ 1. กลุ่มที่ต้องสอบสวนโรค โดยพบว่าเดินทางมาจากพื้นที่ระบาดและมีไข้ 2. กลุ่มสงสัยว่าติดเชื้อ คือ มีอาการชัดเจนกว่ากลุ่มแรก คือ มีเลือดออก 3.อาการน่าจะเป็นคือ มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยในพื้นที่ แต่ยังไม่มีผลตรวจยืนยัน และ4.มีผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการชัดเจน ซึ่งหญิงสาวชาวกินีรายดังกล่าวเข้าข่ายกรณีแรก
สำหรับกรณีดังกล่าว ถือว่าสามารถพบผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคได้เร็ว การเฝ้าระวังมีประสิทธิภาพ เนื่องจากแบ่งเป็น 3 ระดับได้แก่ 1.ที่ท่าอากาศยานหากพบมีไข้จะนำตัวเข้ารับการดูแลรักษาในโรงพยาบาลทันที ถ้าไม่มีไข้จะติดตาม สอบถามอาการทุกวันจนครบ 21 วัน 2.การเฝ้าระวังที่ชุมชน และ3.เฝ้าระวังที่โรงพยาบาล แต่ผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคชาวกินีรายนี้ ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ พูดได้เฉพาะภาษาฝรั่งเศส การสัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์จึงเป็นไปได้ลำบาก เมื่อมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลจึงจัดหาล่ามภาษาฝรั่งเศสมาช่วยสื่อสาร
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก(WHO)รายงานพบผู้ป่วยโรคอีโบลาทั่วโลกสะสมจนถึงขณะนี้มี 3,069 ราย เสียชีวิต 1,552 ราย อัตราป่วยเสียชีวิตอยู่ที่ 51%
ต่อมาเวลา 18.30 น. นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)เผยผลการตรวจเลือดหญิงชาวกินี วัย 24 ปี ซึ่งเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคติดเชื้ออีโบลา โดยส่งเลือดตรวจที่ห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า ผลการตรวจเบื้องต้นทั้ง 2 แห่ง ให้ผลเป็นลบ คือไม่พบการติดเชื้ออีโบลา โดยจะตรวจเลือดซ้ำอีกครั้งวันที่ 4 กันยายน ซึ่งจะทราบผลชัดเจนในสัปดาห์นี้
ด้านนพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย กล่าวว่า กรมฯตรวจวิเคราะห์ชีวโมเลกุล หรือ ระบบพีซีอาร์ (PCR: Polymerase Chain Reaction) โดยผลการตรวจครั้งแรกด้วยชุดตรวจจากประเทศจีนให้ผลเป็นลบ ส่วนผลตรวจครั้งที่สอง ด้วยชุดตรวจจากประเทศเยอรมัน ให้ผลเป็นลบเช่นกัน หมายถึงไม่พบเชื้ออีโบลา ซึ่งในการตรวจครั้งต่อไปจะเพิ่มเครื่องตรวจเชื้อ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วของการรายงานผลด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามอาการของหญิงสาวชาวกินีวัย 24 ปีรายนี้ พบว่าเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี และแพทย์กักตัวดูอาการอยู่ห้องปลอดเชื้อ อาคารผู้ป่วยนอก ชั้น 5 ห้องศัลยกรรมหญิง หลังเดินทางมาจากประเทศกินี เพื่อตามหาสามี แล้วมีอาการไข้สูง อาเจียน เข้าข่ายกักตัวไว้สอบสวนโรคว่าติดเชื้ออีโบลาหรือไม่ ทั้งนี้ เบื้องต้นผู้บริหารโรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรียังไม่เปิดเผยผลการตรวจเลือดแก่สื่อมวลชน เนื่องจากผู้อำนวยการเดินทางไปสัมมนาต่างประเทศ และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนทำข่าวหรือถ่ายภาพแต่อย่างใด
ขณะที่นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีรับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ติดประชุมสำคัญ โดยระบุว่า จะเปิดแถลงข่าวภายหลัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี