พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัตน์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) รับผิดชอบการสอบสวนคดีอุ้มบุญเปิดเผยเมื่อวันที่ 2 กันยายน ว่า พ.ต.อ.เดชา พรมสุวรรณ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ลุมพินีรายงานความคืบหน้าการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทางคดี และการสอบปากคำแม่อุ้มบุญจนถึงขณะนี้ว่า ข้อมูลที่ได้รับจากแม่อุ้มบุญ เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก การดำเนินการในภาพรวมถือว่ามีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยเฉพาะเอกสารสำคัญที่ใช้ประกอบสำนวนคดี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างติดต่อแม่อุ้มบุญที่เหลืออีก 3 รายเพื่อสอบปากคำ และรอการยืนยันตอบรับนัดหมายจากนพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล เจ้าของคลีนิกออลไอวีเอฟ ย่านเพลินจิต ซึ่งรับทำอุ้มบุญที่คาดว่าจะเข้าให้ปากคำเร็วๆนี้
ด้านนพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)เปิดเผยว่า จากการติดตามกรณีอุ้มบุญได้ตรวจสถานพยาบาลด้านสูตินรีเพิ่มอีก 5 แห่ง ในจำนวนนี้พบ เอเจนซีเรื่องการอุ้มบุญ 4 แห่ง และผิดพ.ร.บ.สถานพยาบาล 2541 จำนวน 1 แห่ง เมื่อรวมกับที่สบส.ตรวจสอบก่อนหน้านี้ 12 แห่ง เป็น 17 แห่ง จากสถานพยาบาลทั้งหมด 45 แห่ง โดยสรุปพบว่าผิดพ.ร.บ.สถานพยาบาล 2541 จำนวน 4 แห่ง ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว และมีพฤติกรรมเป็นนายหน้า จัดหาหญิงรับทำอุ้มบุญ 7 แห่ง ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)ฟ้องดำเนินคดี โดยในส่วนเอเจนซี่ พบไม่มีความเกี่ยวโยงกับกรณีชายชาวญี่ปุ่น ส่วนอีก 6 แห่ง เป็นสถานพยาบาลผิดกฎหมาย 2 แห่ง อีก 4 แห่งถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ ในส่วนเอเจนซีจากการตรวจสอบมีคนไทยเป็นเจ้าของ แต่อยู่ระหว่างขยายผลว่ามีชาวต่างชาติเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่
ขณะที่นายบัณฑิต ตั้งประเสริฐ รองเลขาธิการ สคบ.กล่าวว่า เมื่อสคบ.รับเรื่องมาแล้ว จะเร่งตรวจสอบในส่วนเอเจนซี โดยส่งเรื่องให้กระทรวงพาณิชย์ดูการจดทะเบียนว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ส่วนกรณีน้องแกรมมี่ ควรให้แม่น้องแกรมมี่แจ้งเรื่องเอาผิดขบวนการอุ้มบุญ ทั้งเอเจนซีและคลินิก ส่วนการโฆษณาทั้งทางออนไลน์ และตามสื่อต่างๆจะส่งเรื่องให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)ตรวจสอบและดำเนินการเอาผิด
วันเดียวกัน สถานีโทรทัศน์เอบีซี ของออสเตรเลียรายงานว่า ชายชาวออสเตรเลียวัย 50 ปี ถูกดำเนินคดีข้อหากระทำอนาจารล่วงละเมิดทางเพศลูกสาวฝาแฝดวัย 4 และ 5 ขวบ ที่เกิดจากแม่อุ้มบุญชาวไทย โดยมีการฟ้องดำเนินคดีเมื่อปี 2013 แต่เรื่องดังกล่าวเปิดเผยขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยชายคนดังกล่าวมีกำหนดขึ้นศาลในเมืองกอสฟอร์ด วันที่ 8 ธันวาคมที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม ชายคนดังกล่าวปฎิเสธข้อกล่าวหาและได้ประกันตัว
โดยผู้สื่อข่าวเอบีซีสัมภาษณ์ น.ส.ศิริวรรณ นิติชาด หรือ อร หญิงไทยชาวจ.เพชรบูรณ์ ที่เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดว่า ได้รับการติดต่อจากจากสามีภรรยาคู่นี้เมื่อ 7 ปีก่อน มาขอร้องว่าเพิ่งแต่งงานและต้องการมีบุตรมาก อยากให้ตนอุ้มบุญให้ โดยเสนอค่าจ้าง 170,000 บาท ตนจึงตกลงโดยใช้ไข่ของตัวเองผสมกับอสุจิของฝ่ายชายก่อนฉีดเข้ามดลูก แต่เมื่อคลอดออกมาพบว่าเป็นลูกฝาแฝด ที่สุขภาพไม่แข็งแรง มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและปอดผิดปกติ แต่สามีภรรยาคู่นี้นำเด็กทั้ง 2 คนกลับออสเตรเลีย ขณะมีอายุ 4-5 เดือน ต่อมาเมื่อตนทราบเรื่องการฟ้องดำเนินคดีชาวชาวออสเตรเลียรายนี้ เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2013 รู้สึกตกใจและเสียใจมาก หากเป็นไปได้ ตนต้องการนำเด็กทั้งสองกลับมาดูแลเอง
ขณะที่สำนวนคดีของอัยการเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า พ่อของเด็กหญิงฝาแฝดอุ้มบุญ ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ปัจจุบันเป็นคนว่างงาน และมีอารมณ์รุนแรง ครอบครัวล้มเหลว ส่วนเด็กฝาแฝดอยู่ในการดูแลของอดีตภรรยา ที่แยกทางกันไปแล้ว เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์เด็กในออสเตรเลียกำลังทำเรื่องดูแลฝาแฝดอุ้มบุญทั้งสองคนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี