ช่วงเช้าวันที่ 6 กันยายน พล.ต.กู้เกียรติศรีนาคา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา(กกล.บูรพา), พ.อ.สันติพงษ์ ธรรมปิยะ รองผู้บัญชาการ กกล.บูรพา กองกำลังบูรพา, นายรุ่งศักดิ์ เที่ยงตรง หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 1 สำนักสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1(ภาคกลาง) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร กกล.บูรพา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป้องกันรักษาป่า และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา กว่า 100 นาย พร้อมอาวุธครบมือ ใช้รถยนต์กระบะโฟร์วิลล์ และรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ รวมเกือบ 10 คัน บุกขึ้นตรวจสอบบนเทือกเขาอุทยานแห่งชาติปางสีดา บริเวณทางขึ้นป่าคลองตาฉาย บ้านระเบาะหูกวาง หมู่ที่ 6 ต.ช่องกุ่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว
ทั้งนี้ การนำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากสืบทราบว่ามีขบวนการค้าไม้พะยูงข้ามชาติ ได้ว่าจ้างแก๊งมอดไม้ชาวเขมรนับร้อยคน ให้ลักลอบเข้ามาตัดไม้พะยูงบนเทือกเขาอุทยานแห่งชาติปางสีดา ซึ่งอยู่ในเขตมรดกโลกเขาใหญ่ และใช้เส้นทางบริเวณป่าคลองตาฉาย บ้านระเบาะหูกวาง เป็นเส้นทางลำเลียงไม้พะยูงที่ถูกตัดแล้วลงมา และเป็นเส้นทางลำเลียงส่งเสบียงอาหารด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเป็นทางขึ้นเขา และเข้าป่ารกทึบ อีกทั้งเป็นช่วงหน้าฝนทำให้รถหลายคันเกิดตกหล่ม และติดดินโคลน ต้องช่วยกันเข็นและดึงรถขึ้นมา โดยเจ้าหน้าที่ขับรถลุยป่าและขึ้นเขาไปได้ประมาณ 8 กิโลเมตร ก็ไม่สามารถขับรถต่อไปได้ ต้องเดินเท้าลุยขึ้นเขาอย่าทุลักทุเล และเมื่อเดินลุยป่าไปได้อีก 2 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ก็พบร่องรอยล้อรถเข็น ซึ่งคาดว่าเป็นการเข็นไม้ของแก๊งมอดไม้ จึงเดินสะกดรอยตาม จนพบรถเข็น 2 ล้อ จำนวน 13 คัน บรรทุกไม้พะยูงที่แปรรูปแล้วจอดทิ้งอยู่บริเวณแนวป่า จึงตรวจยึดไว้ พบว่าไม้พะยูงทั้งหมดมี 93 แผ่น คิดเป็นปริมาตร 3.341 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบโดยรอบ พบว่า แก๊งตัดไม้พะยูงไหวตัว หลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง จึงแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกเฝ้ารถเข็นและไม้พะยูงของกลางไว้ ส่วนอีกชุดออกติดตามไล่ล่าแก๊งมอดไม้ จนกระทั่งชุดไล่ล่าได้สะกดรอยติดตามไปได้ประมาณ 1 กิโลเมตร ก็พบแคมป์พักแรมของแก๊งมอดไม้ ซึ่งใช้เต้นท์สีเขียวกางอยู่ตามใต้ต้นไม้ และยังพบเสื้อผ้ากับยุทธปัจจัยจำนวนมาก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่ามีแก๊งมอดไม้ชาวเขมรพักอาศัยอยู่ในแคมป์แห่งนี้ไม่ต่ำกว่า 150 คน ซึ่งหลบหนีไปบนภูเขาก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรื้อเต้นท์และนำเสื้อผ้า ยุทธปัจจัยทั้งหมดมาเผาทำลายทิ้งทันที
จากนั้นได้จัดกำลังบางส่วนออกติดตามไล่ล่าแก๊งมอดไม้ชาวเขมรอย่างเร่งด่วน โดย พ.อ.สันติพงษ์ ได้สั่งการให้ชุดไล่ล่าเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากคาดว่าแก๊งมอดไม้ชาวเขมรน่าจะมีอาวุธสงครามเตรียมไว้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ด้วย ส่วนไม้พะยูงแปรรูปทั้ง 93 แผ่น ถูกขนย้ายลงมาเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติปางสีดา บ้านคลองผักขม ต.ปางสีดา อ.เมือง จ.สระแก้ว
ด้านนายรุ่งศักดิ์ กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่าแก๊งมอดไม้กลุ่มนี้มีประมาณ 200 คน ซึ่งเป็นชาวเขมรที่นายทุนค้าไม้พะยูงชาวเขมรว่าจ้างให้มาลักลอบตัดไม้พะยูงในเขตอุทยานแห่งชาติปางสีดา เพื่อส่งต่อไปขายยังประเทศจีนและเวียดนาม โดยมีการติดต่อขายไม้พะยูงให้กับนายทุนชาวจีนและเวียดนาม ในราคาถึง 20 ล้านบาท และรับเงินมาแล้วบางส่วนทำให้นายทุนชาวเขมรจึงต้องรีบส่งทีมมอดไม้เข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูงเพื่อนำไปส่งให้นายทุนตามราคาที่ตกลงกันไว้
นายรุ่งศักดิ์ กล่าวด้วยว่า แก๊งมอดไม้ชาวเขมรชุดนี้ถือเป็นมืออาชีพ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้กับพื้นที่บ้านเขาคนดู ต.หนองหมากฝ้าย อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ซ้อมรบของกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และกำลังมีการซ้อมรบด้วยอาวุธหนัก แต่แก๊งมอดไม้ดังกล่าวกลับไม่ตื่นกลัวใดๆ ยังคงเร่งตัดไม้พะยูงท่ามกลางสายฝนที่ตกบนเทือกเขาอุทยานแห่งชาติปางสีดาทุกวัน
“ขณะนี้กำลังเจ้าหน้าที่กำลังออกไล่ล่าแก๊งมอดไม้กลุ่มนี้อย่างกระชั้นชิดแล้ว และจะได้สนธิกำลังลาดตระเวนบนพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติปางสีดาให้เข้มข้นขึ้นอีก เพื่อไม่ให้แก๊งมอดไม้ชาวเขมรลักลอบขึ้นมาตัดไม้พะยูงได้อีก ส่วนไม้พะยูงของกลางที่ตรวจยึดมาได้หากส่งไปถึงประเทศจีน หรือเวียดนาม คาดว่าจะมีราคากว่า 5 ล้านบาท” นายรุ่งศักดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี