ร.ต.ท.จิรันธนัน กลิ่นนิรัญ ร้อยเวร สน.บุคคโล นำตัวนายชาตรี สีดี อายุ 27 ปี อดีต รปภ.ของพีเอ็น อพาทเม้นท์ ย่านบุคคโล ผู้ต้องหาคดีฆ่าอำพราง “น้องเนม” อายุ 4 ปี ก่อนนำศพห่อถุงดำหมกท่อน้ำด้านหลังอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าว จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ไปฝากขังต่อศาลอาญาธนบุรี เมื่อเที่ยงวันที่ 8 กันยายน
โดยพนักงานสอบสวนขอฝากขังเป็นผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนกระทำได้ ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพหรือ ส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย” พร้อมแนบคำร้องคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชนถ้าผู้ต้องหาได้ประกันเกรงว่า จะหลบหนีแล้วเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และศาลได้อนุญาตให้ฝากขังตามคำร้องขอ
ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าที่ บช.น. พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้เดินทางมามอบเงินเยียวยาแก่ครอบครัวน้องเนม จำนวน 1 แสนบาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาเหยื่ออาชญากรรมตาม พรบ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544
ด้าน นายชาตรี ผู้ต้องหาฆ่าอำพรางศพรายนี้ ยอมรับว่าตั้งใจจะข่มขืนเด็กและเป็นผู้ลงมือฆ่าจริง โดยได้นำศพยัดไว้ที่ท่อพักน้ำ และไม่รู้ว่าตอนที่นำไปซ่อนอำพรางเด็กยังไม่เสียชีวิต ก่อนหลบหนีไป ซึ่งขณะก่อเหตุคนร้ายได้นั่งกินเหล้าอยู่คนเดียว
“ที่ทำไปครั้งนี้เพราะผมเมาสุราและเกิดอารมณ์ทางเพศ จึงได้ลงมือข่มขืนแต่ไม่สำเร็จ อีกทั้งเด็กหญิงร้องขอความช่วยเหลือส่งเสียงดัง จึงตัดสินใจบีบคอเด็ก ตอนนี้ผมอยากจะขอโทษพ่อของเด็ก เสียใจที่ทำลงไป” นายชาตรีกล่าวและยอมรับว่า ไม่เคยทำบัตรประชาชนและไม่ทราบว่าพ่อแม่เป็นใคร โดยชื่อและนามสกุลดังกล่าวมีไต๋เรือเป็นคนตั้งให้ เพราะเคยไปใช้ชีวิตอยู่กับเรือประมงที่ จ.ภูเก็ต ทราบเพียงว่าบริเวณแขนข้างขวาเขียนเป็นภาษาพม่าว่า พ่อแม่เสียชีวิต ส่วนข้างซ้ายเขียนไว้ว่า คนสติไม่ดี หลังจากทำงานบนเรือประมง ต่อมาได้ย้ายมาทำงานในกรุงเทพฯได้ประมาณ 1 ปี มาขอสมัครเป็นรปภ.ชั่วคราว โดยไม่ได้ยื่นเอกสาร
ขณะที่ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมโน รองผบช.น. เชื่อว่า ผู้ต้องหาไม่น่าจะเป็นคนสัญชาติไทย เพราะพูดภาษาไทยสำเนียงพม่า จะเพิ่มความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารมาทำงานเป็นรปภ. และจะตรวจสอบว่าอาชีพนี้สงวนไว้สำหรับคนไทยหรือไม่ เช่นอาชีพช่างตัดผม ทำนา เครื่องถม เพราะเป็นอาชีพเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม และจะตรวจสอบบริษัทรักษาความปลอดภัยที่รับนายโอมเข้าทำงาน ว่าเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมายหรือไม่ หากมีความผิดก็จะดำเนินคดีกับบริษัทด้วย
ส่วน นายวิโรจน์ บิดาผู้เสียชีวิต ระบุว่ายังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาว ตนกับลูกสาวมีความรักและผูกพันกันมาก เพราะแยกทางกับภรรยา ต้องทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน ลูกสาวเป็นคนขี้อ้อน ปกติเวลาทำงานซึ่งตนขับรถสองแถวก็จะพาลูกไปด้วย ถ้าอากาศดีๆฟ้าฝนไม่ตก ถ้าไปทำงานก็จะให้อยู่กับปู่กับย่า ก็ต้องขอโทษลูกสาวด้วยที่ดูแลไม่ดีพอ ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้มาเกิดเป็นพ่อลูกกันอีก
ด้าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรณีมีคนหายไม่ควรเอาเงื่อนเวลามาเป็นตัวกำหนดในการค้นหาโดยเฉพาะที่เกิดกับเด็กเล็ก แต่ควรแก้ไขกฎหมายให้ตามหาตัวได้ง่ายขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง เพราะผู้เสียหายอาจยังอยู่ในพื้นที่ หากหากเหยื่อถูกนำออกนอกพื้นที่ไปแล้ว ย่อมไปเกี่ยวพันกับการทำงานของอีกท้องที่หนึ่งทำให้ทำงานยากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี