พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยและที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวเมื่อวันที่ 16 กันยายน ถึงเรื่องกลไกการสร้างความปรองดองว่า กลไกของรัฐตั้งแต่ส่วนภูมิภาค ผู้ว่าฯ นายอำเภอไปจนถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงในด้านของปกครองท้องถิ่นองค์การบริหารส่วนจังหวัด( อบจ.)องค์การบริหารส่วนตำบล( อบต.) ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน โดยเฉพาะความสงบสุขของสังคม ต้องร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดผล รวมถึงกลไกต่างๆ ของรัฐก็จะต้องเข้าใจในปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก่อนถึงจะสามารถชี้แจงต่อประชาชนให้เกิดความเข้าใจ และสัมฤทธิ์ผลในการสร้างความสงบสุขและปรองดองในสังคม ศักยภาพทั้งในด้าน เศรษฐกิจ สังคม ก็จะตามมา
”สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน ในต่างประเทศเราคงได้เห็นกันตามสื่อต่างๆที่ยังมีการดำเนินการกันอยู่ ส่วนในประเทศก็ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่บ้าง จากทางการข่าวที่ทราบมา แต่คงจะเปิดเผยในส่วนของหลักฐานไม่ได้” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
วันเดียวกันที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เปิดเผยว่า พล.ท.มนัส เปาริก หรือเสธ.หยอย อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงคราม ที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ได้ขอเลื่อนการเข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนเพื่อ เพื่อคุมตัวพร้อมสำนวนคดี ส่งฟ้องต่ออัยการศาลจังหวัดทหารบกสระบุรีจากวันที่16 กันยายน เป็นวันที่ 17 กันยายนเวลา 13.00 น.
อย่างไรก็ดี สำหรับ พล.ท.มนัส ได้เข้ามอบตัวเพื่อต่อสู้คดี โดยได้รับการพิจารณาให้ประกันตัวออกไปก่อนหน้านี้ กระทั่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เสร็จสิ้น จึงสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องต่ออัยการศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี
ส่วนกรณีที่ พล.ท.มนัส ถูกกล่าวพาดพิงว่ามีความเกี่ยวพันกับกลุ่มผู้ต้องหาชุดดำ ที่ก่อเหตุใช้อาวุธสงคราม ยิงใส่ทหารและประชาชน ในช่วงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บริเวณแยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายรายนั้น คาดว่าทาง พล.ท.มนัส จะชี้แจงเรื่องนี้ด้วยตนเอง หลังจากเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.ตามนัดหมาย
ด้านนายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องไปยัง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ที่กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สั่งการให้ดีเอสไอรื้อคดีที่เกี่ยวข้องคนคนเสื้อแดง ตามข้อเท็จจริงของพยาน หลักฐานใหม่ที่ปรากฏ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ที่เพิ่งระบุเองว่า “ถ้าสังคมรู้ถึงคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วจะตกใจ”
วันเดียวกันที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความกลุ่มแนวร่วม นปช. ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 5 แสนบาทเพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกานายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำนปช.จำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูง กรณีเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2553 จำเลยได้ขึ้นปราศรัยบนเวที นปช.เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยคดีนี้ทั้งศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ เห็นว่านายยศวริศ กระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาจำคุก 2 ปีนายยศวริศ จำเลยโดยไม่รอลงอาญา
อย่างไรก็ตามศาลอาญาพิเคราะห์แล้วเห็นควรส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป ทั้งนี้ทำให้นายยศวริศต้องถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี