“ความดี”จากภาครัฐ อันเกิดมาจาก คสช. ภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เริ่มระบาดจาก ภาครัฐ สู่ ภาคเอกชน อย่างน่าชื่นใจ
เห็นได้จาก เมื่อวันศุกร์-เสาร์ ที่ 19-20 กันยายน ที่ผ่านมา มูลนิธิบิ๊กซี ภายใต้การนำของ นส.สุพัตรา เย็นเกษม ได้นำขบวน พ่อค้า และนักธุรกิจกว่า 200 คน รวมตัวกัน จัด แรลลี่ ทำความดีร่วมกัน โดยการ เดินทางจาก กทม.ไปยัง อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งเป้าหมายเอาไว้ชัดเจนว่า เพื่อ ทำความดี และ คืนความสุขให้คนไทย ขบวนรถกว่า 150 คัน คันละไม่น้อยกว่าสองคน ออกเดินทางตามแผนที่ความดี ตั้งเป้าไว้ที่จุดสองจุดเพื่อ จัดกิจกรรมความดี
จุดแรก หยุดขบวนรถกันที่ วัดข่อย จังหวัด เพชรบุรี ทุกคันร่วมกันไหว้พระ ทำบุญ ตั้งจิตอธิษฐาน ที่จะทำแต่ความดี ทั้งเพื่อตัวเอง และเพื่อสังคม จากนั้นไปยังจุดที่สอง คือ โรงเรียนเพชรบุรีปัญญานุกูล เพื่อ เพื่อสร้างความสุข และร่วมบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือ โรงเรียน และ สร้างขวัญกำลังใจ สร้างความสุขให้แก่เด็กๆในโรงเรียน โดย โรงเรียนดังกล่าวนี้ ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์ชัดเจนคือ เพื่อจัดการศึกษาให้กับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา และ เด็ก ออทิสติก โดยมี นาย วีระ กิ่งแก้ว เป็น ผู้อำนวยการ มีนักเรียน ตั้งแต่ระดับ อนุบาล 1 จนถึง ม. 6 รวมทั้งสิ้น 316 คน แบ่งเป็น นักเรียนชาย 208 คน นักเรียนหญิง 108 คน นักเรียนทั้งหมด จะมาจากเขตพื้นที่ ในจังหวัดใกล้เคียงคือ ราชบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์ และ กรุงเทพฯ
ที่โรงเรียนนี้ คณะ ทำความดี และ คืนความสุขให้กับสังคม ได้ เปิด ทำกิจกรรม เล่นเกม ต่างๆ ให้กับเด็กๆ และ ร่วมกันบริจาคเงินจากแต่ละคนให้ไว้เป็น ทุนการศึกษาของโรงเรียน เพื่อใช้จ่ายให้กับเด็กๆ ซึ่งแน่นอนว่า หากจะรอคอยแต่ เงินงบประมาณของภาครัฐเพียงอย่างเดียวคงไม่สมบูรณ์นัก เนื่องจาก ทุกปีจะมีเด็กเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จากการสอบถามอาจารย์ หลายคนในโรงเรียน ได้รับคำตอบว่า หัวใจสำคัญของโรงเรียน ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะให้เด็ก อ่าน ออกเขียนได้ เป็น อันดับหนึ่ง แต่ สิ่งที่ เน้นที่สุดคือ การ สอน และ ฝึกอบรม ให้เด็กเหล่านี้ สามารถ ช่วยเหลือตัวเองได้ เพื่อ ที่จะได้ สามารถเข้าไปอยู่ในสังคมที่บ้านได้อย่างไม่ต้องเป็นภาระกับคนในบ้าน และ เติบโตขึ้นมาก็ไม่ต้องเป็นภาระกับสังคม
มีนักเรียนหลายคน ที่เรียนจบออกไปแล้ว สามารถไปทำงานได้ แม้จะไม่เท่าเทียมกับคนปกติ แต่ เขาก็สามารถ ทำงานหาเงินได้ด้วยตัวเอง อาทิ เป็น คนล้างจาน หรือ ภาชนะต่างๆ เสิร์ฟอาหาร และ ส่งเอกสารภายในสำนักงานได้
เมื่อถามถึงความยากลำบากในการอบรม ครูอาจารย์ ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 73 คน ประกอบด้วย ข้าราชการ 14 คน ,พนักงานราชการ 22 คน ,ครูพี่เลี้ยง 26 คน,ภารโรง 2 คน ธุรการ 1 คน ลูกจ้างประจำ 1 คน และ ลูกจ้างชั่วคราว 7 คน ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อเด็กเหล่านี้ เข้ามายังโรงเรียน พวกเขา ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ทุกคนจึงต้องทำงานกันด้วยใจ และ จิตวิญญาณ เพื่อทำให้ปณิธานสำเร็จเป็นจริง
จากภาพที่ได้เห็น จากพฤติกรรมของเด็กบางคน ที่มาต้อนรับคณะแรลลี่ เราต้องยอมรับว่า แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ ทำงานได้ แต่นั่นก็เป็นแนวโน้มที่มองให้เห็นว่า โอกาสของพวกเขา ยังไม่ดับวูบลงไปเสียทีเดียว
ความดีซื้อไม่ได้ นอกจาก ต้องทำเอาเอง เป็นเรื่องจริงและประจักษ์ชัดอย่างที่ใครๆก็เถียงไม่ได้ เราจึงได้แต่หวังว่า ถ้าสังคมไทย มีการขยายตัวของคนทำความดีมากขึ้น ความสุขของคนไทยก็จะคืนสู่ประชนชนมากขึ้นเช่นกัน
ชนิตร ภู่กาญจน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี