รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประเดิมตำแหน่งงานแรกด้วยการเกาะติดพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมรับฟังประสิทธิภาพพื้นที่แก้มลิงบางบาลช่วยบรรเทาอุทกภัยขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ของพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และตรวจเยี่ยมการเพาะปลูกข้าวนาปี พื้นที่แก้มลิง ทุ่งบางบาล และตรวจสภาพพื้นที่น้ำท่วม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา
นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเตรียมเยี่ยมพื้นที่ว่า โครงการแก้มลิงพื้นที่บางบาล1เป็นโครงการนำร่องในการบริหารจัดการและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการบรรเทาอุทกภัยขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ด้วยการเก็บกักน้ำหลากไว้ในพื้นที่เกษตรกรรม โดยจะมีการบริหารจัดการพื้นที่ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาในลักษณะแก้มลิง ซึ่งสภาพทั่วไปของโครงการแก้มลิงบางบาลมีพื้นที่ทั้งหมด 152,327 ไร่ เป็นพื้นที่ชลประทาน 130,810 ไร่ เป็นพื้นที่นากว่า100,000 ไร่หรือประมาณ 90% ของพื้นที่ เกษตรกรปลูกข้าวนาปรังปีละ 2 ครั้ง ซึ่งขณะนี้เก็บเกี่ยวข้าวไปแล้ว 90% ภายในสิ้นเดือนนี้คาดว่าจะเก็บเกี่ยวหมด ดังนั้น หากน้ำหลากมีมาจำนวนมากก็จะสามารถรับน้ำได้เต็มทุ่ง
แต่จากการประเมินสถานการณ์ขณะนี้ พบว่าปริมาณน้ำที่ไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยายังมีไม่มาก และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับฤดูฝนกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว จึงคาดการณ์ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ไม่น่ากังวล ในขณะที่สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุดที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 5,047 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 37 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,247 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 5,075 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 53 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 2,225 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 539 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 496 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 568 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 58 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 565 ล้านลูกบาศก์เมตร ยังสามารถรับน้ำรวมกันได้อีกกว่า 13,642 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งกรมชลประทานจะบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงกรมฝนหลวงและการบินเกษตรยังคงปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อเติมน้ำในเขื่อนเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึง และบรรเทาผลกระทบในพื้นที่ที่ประสบปัญหาความแห้งแล้งอย่างต่อเนื่องด้วย
นายปีติพงศ์ กล่าวด้วยว่า ได้มอบหมายให้กรมชลประทานประเมินสภาพภูมิอากาศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะเริ่มเข้าสู่ฤดูแล้งซึ่งกระทรวงเกษตรฯ กังวลในเรื่องปริมาณน้ำที่เก็บกักจะไม่เพียงพอกับการเพาะปลูกของเกษตรกร จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนใน 3 มาตรการหลักคือ1.เร่งรัดจัดทำโครงการเตือนภัยเกี่ยวกับน้ำท่วมและภัยแล้ง 2.ปรับการทำแผนในการสร้างอาชีพใหม่ 3.ปรับโครงสร้างจากการทำนาเป็นการปลูกพืชอย่างอื่นทดแทนลักษณะแบบผสมประสานเพราะการปลูกข้าวปัจจุบันมีปริมาณมากขึ้น ซึ่งโครงการทั้ง 3 ลักษณะนี้ต้องให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์เพื่อเสนอรัฐบาล
ทั้งนี้สำหรับโครงการแก้มลิงพื้นที่บางบาล 1 เป็นพื้นที่รับน้ำตามธรรมชาติ ที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างดีโดยไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ โดยพบว่า สามารถเก็บกักน้ำได้ ในช่วง Peak Flood เพื่อบรรเทาอุทกภัยขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ของพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ช่วยลดความเสียหายของผลผลิตโดยเกษตรกรจะหยุดการทำนาปรังในช่วงฤดูน้ำหลาก ซึ่งกรมชลประทานได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับกลุ่มผู้ใช้น้ำชลประทาน ในการพัฒนากลุ่มฯ ให้มีความเข้มแข็งเพื่อดำเนินการตามแนวทางการรับน้ำเข้าพื้นที่ตามธรรมชาติ ขณะเดียวกัน เกษตรกรในพื้นที่ยังมีการปรับเปลี่ยนระบบการปลูกข้าวใหม่ ซึ่งมีการทำนาปรัง 2 ครั้ง ไม่ทำนาปี ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
โดยสามารถเพิ่มผลผลิตจากเดิมปีละ 20-30 ถัง/ไร่ เป็น 100-120 ถัง/ไร่/ฤดูกาล ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ มีแผนที่จะขยายผลไปยังพื้นที่บริเวณอื่นในลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่มีความเหมาะสมที่จะบริหารจัดการและพัฒนาในลักษณะดังกล่าวมีอยู่อีก 7 แห่ง เช่น พื้นที่ป่าโมก-ผักไห่ และพื้นที่อ่างทองฝั่งตะวันตก การติดตามสถานการณ์น้ำ ด้วยการกระโดดลงพื้นที่เป็นงานแรกของการประเดิมตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯในครั้งนี้ ถือเป็นทิศทางที่ดีที่ทำให้เกษตรกรเกิดความมั่นใจการทำงานของกระทรวงเกษตรนับจากนี้ไปมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนใน 3 มาตรการหลัก นั่นคือโครงการเตือนภัยเกี่ยวกับน้ำท่วมและภัยแล้ง การปรับการทำแผนในการสร้างอาชีพใหม่และปรับโครงสร้างจากการทำนาเป็นการปลูกพืชอย่างอื่นทดแทนให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์เพื่อเสนอรัฐบาลต่อไปนั้น ถือเป็นการเริ่มต้นในการทำงานเชิงรุก เท่าทันสถานการณ์ได้เป็นอย่างดีและน่าจับตามองอย่างใกล้ชิดถึงผลดำเนินงานในเชิงรูปธรรมนับจากนี้ไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี